สถานการณ์ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ภายหลังจากปัญหาน้ำท่วมยุติลงหลายฝ่ายประเมินว่าจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งอย่างเร็วคงช่วงกลางปีหน้าที่จะถึงเพราะนับจากนี้คงเป็นช่วงเวลาของการฟื้นฟูสภาพบ้านเรือนให้กลับสู่ภาวะปกติโดยหากย้อนกลับไปในช่วงก่อนเกิดวิกฤติปัญหาน้ำท่วมทางศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ได้ทำการสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพฯปริมณฑลและได้เพิ่มเติมข้อมูลโครงการเปิดใหม่และข้อมูลการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงด้วย
ผลการสำรวจดังกล่าว พบว่าสถิติการโอนกรรมสิทธิ์ในเดือนตุลาคมล่าสุดซึ่งเป็นช่วงเดือนแรกของอุทกภัยในกรุงเทพฯ-ปริมณฑลจำนวนหน่วยโอนกรรมสิทธิ์บ้านจัดสรรในพื้นที่ซึ่งประสบอุทกภัยรุนแรงลดลงมาก โดยในเขตที่กรุงเทพมหานครที่เคยประกาศให้เป็น "เขตอพยพ" 13 เขต มียอดโอนกรรมสิทธิ์บ้านจัดสรรที่เป็นหน่วยขายใหม่ลดลงจากเฉลี่ยเดือนละ 580 หน่วยเหลือเพียงประมาณ 280 หน่วย และยอดโอนกรรมสิทธิ์บ้านจัดสรรที่เป็นหน่วยขายมือสองลดลงจากเฉลี่ยเดือนละ740 หน่วยเหลือเพียงประมาณ 470 หน่วย จำนวนหน่วยโอนกรรมสิทธิ์บ้านจัดสรรซึ่งเป็นหน่วยขายใหม่ในพื้นที่อำเภอบางกรวยบางบัวทอง บางใหญ่ และไทรน้อยในจังหวัดนนทบุรี ซึ่งถูกน้ำท่วมหนักรวมกันลดลงจากเฉลี่ยเดือนละ550 หน่วยเหลือเพียงประมาณ 180 หน่วยในเดือนตุลาคม และยอดโอนกรรมสิทธิ์บ้านจัดสรรที่เป็นหน่วยขายมือสองลดลงจากเฉลี่ยเดือนละ90 หน่วยเหลือเพียงประมาณ80 หน่วยในเดือนตุลาคมจำนวนหน่วยโอนกรรมสิทธิ์บ้านจัดสรรซึ่งเป็นหน่วยขายใหม่ในพื้นที่อำเภอคลองหลวง ธัญบุรี เมืองลาดหลุมแก้ว ลำลูกกา สามโคก และหนองเสือ ในจังหวัดปทุมธานี ซึ่งถูกน้ำท่วมหนัก รวมกันลดลงจากเฉลี่ยเดือนละ 490 หน่วยเหลือเพียงประมาณ 190 หน่วยในเดือนตุลาคม และยอดโอนกรรมสิทธิ์บ้านจัดสรรที่เป็นหน่วยขายมือสองลดลงจากเฉลี่ยเดือนละ 200 หน่วยเหลือเพียงประมาณ 20 หน่วย
ข้อมูลดังกล่าว เป็นข้อมูลที่ทางศูนย์ข้อมูลฯ ได้ทำการสำรวจจากโครงการบ้านจัดสรรที่ยังเปิดขายอยู่ 823 โครงการในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล(นับเฉพาะโครงการที่มีหน่วยเหลือขายไม่ต่ำกว่า6 หน่วย) โดยเป็นโครงการที่เปิดขายก่อนปี 2554 ประมาณ 665 โครงการเปิดขายใหม่ใน 6เดือนแรกของปีนี้ประมาณ 168 โครงการ โดยมีจำนวนหน่วยตามผังโครงการรวมกันประมาณ163,000 หน่วย มีมูลค่าโครงการประมาณ 558,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีโครงการเปิดใหม่ในช่วงเดือนกรกฎาคม-พฤศจิกายนอีกประมาณ 10,300หน่วยที่ยังไม่ได้นับรวมในการสำรวจ
ส่วนใหญ่หรือ 87% เป็นโครงการที่เปิดขายมาตั้งแต่ปี 2549 แยกประเภทได้เป็นบ้านเดี่ยวประมาณ40%เป็นทาวน์เฮาส์ประมาณ 47% ส่วนที่เหลืออีก 13%เป็นบ้านแฝด หรืออาคารพาณิชย์ หรือที่ดินเปล่าในโครงการจัดสรร แยกตามสถานะของการก่อสร้าง พบว่าเป็นหน่วยที่สร้างเสร็จแล้วประมาณ 94,200 หน่วยอยู่ระหว่างการก่อสร้างประมาณ35,100 หน่วย และยังไม่ได้เริ่มสร้างประมาณ34,700 หน่วย และหากแยกตามสถานะของการขายพบว่าขายได้แล้วสะสมประมาณ 100,000 หน่วย หรือประมาณ 61%และเหลือขายประมาณ39% สำหรับหน่วยที่ขายได้แล้วนั้นมีการโอนกรรมสิทธิ์สะสมแล้วรวมกันประมาณ75,000 หน่วย หรือ 75% ของหน่วยที่ขายได้
สำหรับโครงการอาคารชุด จากการสำรวจพบว่ามีโครงการอาคารชุดที่เปิดขายอยู่ประมาณ 370 โครงการในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล(นับเฉพาะโครงการที่มีหน่วยเหลือขายไม่ต่ำกว่า 6 หน่วย) โดยเป็นโครงการที่เปิดขายก่อนปี2554 ประมาณ290 โครงการ เปิดขายใหม่ใน 6 เดือนแรกของปีนี้ประมาณ80 โครงการ โดยมีจำนวนหน่วยตามผังโครงการรวมกันประมาณ 143,000 หน่วย มูลค่าโครงการประมาณ 479,000 ล้านบาทนอกจากนี้ ยังมีโครงการเปิดใหม่ในช่วงเดือนกรกฎาคม-พฤศจิกายนอีกประมาณ 13,500หน่วยที่ยังไม่ได้นับรวมในการสำรวจ โดย 98% เป็นโครงการที่เปิดขายมาตั้งแต่ปี2549 แยกประเภทได้เป็นแบบสตูดิโอประมาณ19%เป็นแบบหนึ่งห้องนอนประมาณ63%เป็นแบบสองห้องนอนประมาณ 15%ส่วนที่เหลืออีก3% เป็นแบบสามห้องนอนขึ้นไป
หากแยกตามสถานะของการก่อสร้าง พบว่าเป็นหน่วยที่สร้างเสร็จแล้วประมาณ46,600หน่วยอยู่ระหว่าง การก่อสร้างมากถึงประมาณ82,500 หน่วย และยังไม่ได้เริ่มสร้างประมาณ 14,100 หน่วยและหากแยกตามสถานะของการขายพบว่าขายได้แล้วสะสมประมาณ107,400 หน่วยหรือประมาณ75%และเหลือขายประมาณ 25%สำหรับหน่วยที่ขายได้แล้วนั้นมีการโอนกรรมสิทธิ์สะสมแล้วรวมกันประมาณ 38,200 หน่วยหรือ 36%ของหน่วยที่ขายได้
ที่มา: หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับวันที่ 18 - 21 ธ.ค. 2554
ผลการสำรวจดังกล่าว พบว่าสถิติการโอนกรรมสิทธิ์ในเดือนตุลาคมล่าสุดซึ่งเป็นช่วงเดือนแรกของอุทกภัยในกรุงเทพฯ-ปริมณฑลจำนวนหน่วยโอนกรรมสิทธิ์บ้านจัดสรรในพื้นที่ซึ่งประสบอุทกภัยรุนแรงลดลงมาก โดยในเขตที่กรุงเทพมหานครที่เคยประกาศให้เป็น "เขตอพยพ" 13 เขต มียอดโอนกรรมสิทธิ์บ้านจัดสรรที่เป็นหน่วยขายใหม่ลดลงจากเฉลี่ยเดือนละ 580 หน่วยเหลือเพียงประมาณ 280 หน่วย และยอดโอนกรรมสิทธิ์บ้านจัดสรรที่เป็นหน่วยขายมือสองลดลงจากเฉลี่ยเดือนละ740 หน่วยเหลือเพียงประมาณ 470 หน่วย จำนวนหน่วยโอนกรรมสิทธิ์บ้านจัดสรรซึ่งเป็นหน่วยขายใหม่ในพื้นที่อำเภอบางกรวยบางบัวทอง บางใหญ่ และไทรน้อยในจังหวัดนนทบุรี ซึ่งถูกน้ำท่วมหนักรวมกันลดลงจากเฉลี่ยเดือนละ550 หน่วยเหลือเพียงประมาณ 180 หน่วยในเดือนตุลาคม และยอดโอนกรรมสิทธิ์บ้านจัดสรรที่เป็นหน่วยขายมือสองลดลงจากเฉลี่ยเดือนละ90 หน่วยเหลือเพียงประมาณ80 หน่วยในเดือนตุลาคมจำนวนหน่วยโอนกรรมสิทธิ์บ้านจัดสรรซึ่งเป็นหน่วยขายใหม่ในพื้นที่อำเภอคลองหลวง ธัญบุรี เมืองลาดหลุมแก้ว ลำลูกกา สามโคก และหนองเสือ ในจังหวัดปทุมธานี ซึ่งถูกน้ำท่วมหนัก รวมกันลดลงจากเฉลี่ยเดือนละ 490 หน่วยเหลือเพียงประมาณ 190 หน่วยในเดือนตุลาคม และยอดโอนกรรมสิทธิ์บ้านจัดสรรที่เป็นหน่วยขายมือสองลดลงจากเฉลี่ยเดือนละ 200 หน่วยเหลือเพียงประมาณ 20 หน่วย
ข้อมูลดังกล่าว เป็นข้อมูลที่ทางศูนย์ข้อมูลฯ ได้ทำการสำรวจจากโครงการบ้านจัดสรรที่ยังเปิดขายอยู่ 823 โครงการในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล(นับเฉพาะโครงการที่มีหน่วยเหลือขายไม่ต่ำกว่า6 หน่วย) โดยเป็นโครงการที่เปิดขายก่อนปี 2554 ประมาณ 665 โครงการเปิดขายใหม่ใน 6เดือนแรกของปีนี้ประมาณ 168 โครงการ โดยมีจำนวนหน่วยตามผังโครงการรวมกันประมาณ163,000 หน่วย มีมูลค่าโครงการประมาณ 558,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีโครงการเปิดใหม่ในช่วงเดือนกรกฎาคม-พฤศจิกายนอีกประมาณ 10,300หน่วยที่ยังไม่ได้นับรวมในการสำรวจ
ส่วนใหญ่หรือ 87% เป็นโครงการที่เปิดขายมาตั้งแต่ปี 2549 แยกประเภทได้เป็นบ้านเดี่ยวประมาณ40%เป็นทาวน์เฮาส์ประมาณ 47% ส่วนที่เหลืออีก 13%เป็นบ้านแฝด หรืออาคารพาณิชย์ หรือที่ดินเปล่าในโครงการจัดสรร แยกตามสถานะของการก่อสร้าง พบว่าเป็นหน่วยที่สร้างเสร็จแล้วประมาณ 94,200 หน่วยอยู่ระหว่างการก่อสร้างประมาณ35,100 หน่วย และยังไม่ได้เริ่มสร้างประมาณ34,700 หน่วย และหากแยกตามสถานะของการขายพบว่าขายได้แล้วสะสมประมาณ 100,000 หน่วย หรือประมาณ 61%และเหลือขายประมาณ39% สำหรับหน่วยที่ขายได้แล้วนั้นมีการโอนกรรมสิทธิ์สะสมแล้วรวมกันประมาณ75,000 หน่วย หรือ 75% ของหน่วยที่ขายได้
สำหรับโครงการอาคารชุด จากการสำรวจพบว่ามีโครงการอาคารชุดที่เปิดขายอยู่ประมาณ 370 โครงการในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล(นับเฉพาะโครงการที่มีหน่วยเหลือขายไม่ต่ำกว่า 6 หน่วย) โดยเป็นโครงการที่เปิดขายก่อนปี2554 ประมาณ290 โครงการ เปิดขายใหม่ใน 6 เดือนแรกของปีนี้ประมาณ80 โครงการ โดยมีจำนวนหน่วยตามผังโครงการรวมกันประมาณ 143,000 หน่วย มูลค่าโครงการประมาณ 479,000 ล้านบาทนอกจากนี้ ยังมีโครงการเปิดใหม่ในช่วงเดือนกรกฎาคม-พฤศจิกายนอีกประมาณ 13,500หน่วยที่ยังไม่ได้นับรวมในการสำรวจ โดย 98% เป็นโครงการที่เปิดขายมาตั้งแต่ปี2549 แยกประเภทได้เป็นแบบสตูดิโอประมาณ19%เป็นแบบหนึ่งห้องนอนประมาณ63%เป็นแบบสองห้องนอนประมาณ 15%ส่วนที่เหลืออีก3% เป็นแบบสามห้องนอนขึ้นไป
หากแยกตามสถานะของการก่อสร้าง พบว่าเป็นหน่วยที่สร้างเสร็จแล้วประมาณ46,600หน่วยอยู่ระหว่าง การก่อสร้างมากถึงประมาณ82,500 หน่วย และยังไม่ได้เริ่มสร้างประมาณ 14,100 หน่วยและหากแยกตามสถานะของการขายพบว่าขายได้แล้วสะสมประมาณ107,400 หน่วยหรือประมาณ75%และเหลือขายประมาณ 25%สำหรับหน่วยที่ขายได้แล้วนั้นมีการโอนกรรมสิทธิ์สะสมแล้วรวมกันประมาณ 38,200 หน่วยหรือ 36%ของหน่วยที่ขายได้
ที่มา: หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับวันที่ 18 - 21 ธ.ค. 2554