ตลาดคอนโดฯเมืองพัทยาฮอต ผู้ประกอบการแห่ลงทุน ปี 54 เปิดตัวสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 7,888 ยูนิต กว่า 70% ขนาดไม่เกิน 1 ห้องนอน ส่งผลอัตราการขายลดเหลือ 41% จากปี 53 ขายเฉลี่ย 52.5% ไนท์แฟรงค์ ระบุชาวไทยกลุ่มลูกค้าหลัก รองลงมารัสเซีย
นายแฟรงค์ ข่าน ผู้อำนวยการฝ่ายที่ปรึกษาด้านโครงการที่พักอาศัย บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า พัทยาเป็นเมืองที่มีความเติบโตมากในช่วง7 ปีที่ผ่านมา จากเมืองระดับล่างมาสู่เมืองที่มีความสะดวกสบายมากมาย ไม่เพียงแค่นักท่องเที่ยวจะได้รับความสนุกจากที่นี่ นอกจากนี้การมีศูนย์การค้าขนาดใหญ่เช่น เซ็นทรัลเฟสติวัลพัทยาทำให้เมืองนี้มีความน่าสนใจขึ้นอย่างมาก ส่งผลให้มีความต้องการที่พักอาศัยเพิ่มมากขึ้นด้วย โดยเมื่อปี 2554 มีคอนโดมิเนียมใหม่ที่เปิดตัวในพัทยา (เฉพาะวิวทะเล) เป็นสถิติสูงสุดคือ 7,888 ยูนิต จาก 13 โครงการ ในขณะที่ปี 2553 มีคอนโดฯเปิดตัวเพียง 2,887 ยูนิต
ทั้งนี้ ความต้องการคอนโดฯในพัทยามาจากผู้ซื้อชาวไทยเป็นหลักในบางโครงการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการที่อยู่ในพัทยาเหนือและวงศ์อมาตย์ เนื่องจากมีห้างค้าปลีก ร้านอาหารและบาร์ มากมายในบริเวณนี้ ในขณะที่คอนโดฯในตัวเมืองที่อยู่ในพัทยาใต้จะเต็มไปด้วยชาวต่างชาติ เช่น รัสเซียจะเป็นผู้ซื้อที่มีศักยภาพของตลาดนี้
อย่างไรก็ตาม บริเวณที่เป็นที่นิยมคือ เขาพระตำหนักและจอมเทียนสาย 2 โครงการต่างๆเป็นแบบไม่เห็นวิวทะเล ราคา ยูนิตค่อนข้างต่ำเป็นแบบสตูดิโอขนาด 28 ตร.ม. ราคาขายประมาณ 900,000 บาทต่อยูนิต บริเวณคอนโดฯเกิดใหม่จะอยู่ที่ จอมเทียนสาย 2 เนื่องจากการพัฒนาของถนนหนทางบริเวณนั้นมีมากขึ้นทำให้ดึงดูดตลาดคอนโดมิเนียมระดับล่าง โครงการลากูน่า บีช รีสอร์ต ที่ตั้งอยู่บนจอมเทียนสาย 2 เป็นอีกโครงการหนึ่งที่เป็นที่นิยมในหมู่ชาวรัสเซียนอกจากนี้ก็อาจมีผู้ซื้อจากยุโรป เช่น อังกฤษไอร์แลนด์ สวีเดน และนอร์เวย์ด้วยเช่นกัน
จากผลวิจัยของไนท์แฟรงค์ฯ พบว่า ในปีที่แล้วมีความต้องการคอนโดมิเนียมถึง 2,491 ยูนิต เพิ่มขึ้น 120% จากปีก่อนหน้า แต่อย่างไรก็ตามอัตราการขายได้ลดลงจาก 52.5% จากปี2553 เป็น 41% ในปี 2554 เนื่องจากมีปริมาณซัพพลายจำนวนมากเข้ามาในตลาด
ตลาดคอนโดฯในพัทยาเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว คอนโดฯใหม่ส่วนมากจะนิยมยูนิตเล็กขนาด 1 ห้องนอนหรือน้อยกว่า ซึ่งคิดเป็น70% ของคอนโดฯใหม่ที่เข้ามาในตลาด เทรนด์นี้น่าจะเป็นไปอย่างต่อเนื่องเนื่องจากมีห้องชุดขนาด สตูดิโอขนาดต่ำกว่า 40 ตร.ม.เกิดขึ้นมากมาย การที่ต้นทุนการก่อสร้างสูงขึ้นเป็นธรรมดาที่ราคาต้องสูงขึ้นตามไปด้วย แต่ในธรรมชาติการแข่งขันของตลาดคือ ราคาจะคงที่หากแต่ลักษณะเฉพาะและขนาดของยูนิตนั้นจะลดลงแทน
"เป็นเวลาเกือบสองปีแล้วที่คนไทยเป็นผู้ซื้อที่อยู่อาศัยรายใหญ่บริเวณทะเลภาคตะวันออก ตลาดคอนโดฯพัทยานั้นเติบโตขึ้นอย่างมากโครงการส่วนใหญ่สามารถหาผู้ซื้อได้อย่างรวดเร็วซับพลายใหม่ของคอนโดฯในพัทยาจะอยู่ในบริเวณจอมเทียนเพราะในบริเวณนั้นยังมีที่ดินที่จะสามารถพัฒนาได้อีกมากเมื่อเทียบกับบริเวณอื่นในพัทยา ไม่ว่าผู้ซื้อจะมองหาคอนโดฯลักษณะไหน ก็มีให้เลือกในพัทยา โดยจะเริ่มการก่อสร้างประมาณต้นปีหน้าและคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณปลายปี 2557 ยูนิตในฝันของผู้ซื้อคอนโดฯชาวไทยเพื่อเป็นบ้านหลังที่สองคือแบบ 1-2 ห้องนอน ขนาดประมาณ 55 ตร.ม. สำหรับนักลงทุนที่ซื้อเพื่อปล่อยเช่าจะมองหายูนิต 1 ห้องนอนที่เล็กกว่านี้อยู่ที่ประมาณ39 ตร.ม." นายแฟรงค์ กล่าว
ที่มา: หนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการรายวัน
นายแฟรงค์ ข่าน ผู้อำนวยการฝ่ายที่ปรึกษาด้านโครงการที่พักอาศัย บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า พัทยาเป็นเมืองที่มีความเติบโตมากในช่วง7 ปีที่ผ่านมา จากเมืองระดับล่างมาสู่เมืองที่มีความสะดวกสบายมากมาย ไม่เพียงแค่นักท่องเที่ยวจะได้รับความสนุกจากที่นี่ นอกจากนี้การมีศูนย์การค้าขนาดใหญ่เช่น เซ็นทรัลเฟสติวัลพัทยาทำให้เมืองนี้มีความน่าสนใจขึ้นอย่างมาก ส่งผลให้มีความต้องการที่พักอาศัยเพิ่มมากขึ้นด้วย โดยเมื่อปี 2554 มีคอนโดมิเนียมใหม่ที่เปิดตัวในพัทยา (เฉพาะวิวทะเล) เป็นสถิติสูงสุดคือ 7,888 ยูนิต จาก 13 โครงการ ในขณะที่ปี 2553 มีคอนโดฯเปิดตัวเพียง 2,887 ยูนิต
ทั้งนี้ ความต้องการคอนโดฯในพัทยามาจากผู้ซื้อชาวไทยเป็นหลักในบางโครงการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการที่อยู่ในพัทยาเหนือและวงศ์อมาตย์ เนื่องจากมีห้างค้าปลีก ร้านอาหารและบาร์ มากมายในบริเวณนี้ ในขณะที่คอนโดฯในตัวเมืองที่อยู่ในพัทยาใต้จะเต็มไปด้วยชาวต่างชาติ เช่น รัสเซียจะเป็นผู้ซื้อที่มีศักยภาพของตลาดนี้
อย่างไรก็ตาม บริเวณที่เป็นที่นิยมคือ เขาพระตำหนักและจอมเทียนสาย 2 โครงการต่างๆเป็นแบบไม่เห็นวิวทะเล ราคา ยูนิตค่อนข้างต่ำเป็นแบบสตูดิโอขนาด 28 ตร.ม. ราคาขายประมาณ 900,000 บาทต่อยูนิต บริเวณคอนโดฯเกิดใหม่จะอยู่ที่ จอมเทียนสาย 2 เนื่องจากการพัฒนาของถนนหนทางบริเวณนั้นมีมากขึ้นทำให้ดึงดูดตลาดคอนโดมิเนียมระดับล่าง โครงการลากูน่า บีช รีสอร์ต ที่ตั้งอยู่บนจอมเทียนสาย 2 เป็นอีกโครงการหนึ่งที่เป็นที่นิยมในหมู่ชาวรัสเซียนอกจากนี้ก็อาจมีผู้ซื้อจากยุโรป เช่น อังกฤษไอร์แลนด์ สวีเดน และนอร์เวย์ด้วยเช่นกัน
จากผลวิจัยของไนท์แฟรงค์ฯ พบว่า ในปีที่แล้วมีความต้องการคอนโดมิเนียมถึง 2,491 ยูนิต เพิ่มขึ้น 120% จากปีก่อนหน้า แต่อย่างไรก็ตามอัตราการขายได้ลดลงจาก 52.5% จากปี2553 เป็น 41% ในปี 2554 เนื่องจากมีปริมาณซัพพลายจำนวนมากเข้ามาในตลาด
ตลาดคอนโดฯในพัทยาเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว คอนโดฯใหม่ส่วนมากจะนิยมยูนิตเล็กขนาด 1 ห้องนอนหรือน้อยกว่า ซึ่งคิดเป็น70% ของคอนโดฯใหม่ที่เข้ามาในตลาด เทรนด์นี้น่าจะเป็นไปอย่างต่อเนื่องเนื่องจากมีห้องชุดขนาด สตูดิโอขนาดต่ำกว่า 40 ตร.ม.เกิดขึ้นมากมาย การที่ต้นทุนการก่อสร้างสูงขึ้นเป็นธรรมดาที่ราคาต้องสูงขึ้นตามไปด้วย แต่ในธรรมชาติการแข่งขันของตลาดคือ ราคาจะคงที่หากแต่ลักษณะเฉพาะและขนาดของยูนิตนั้นจะลดลงแทน
"เป็นเวลาเกือบสองปีแล้วที่คนไทยเป็นผู้ซื้อที่อยู่อาศัยรายใหญ่บริเวณทะเลภาคตะวันออก ตลาดคอนโดฯพัทยานั้นเติบโตขึ้นอย่างมากโครงการส่วนใหญ่สามารถหาผู้ซื้อได้อย่างรวดเร็วซับพลายใหม่ของคอนโดฯในพัทยาจะอยู่ในบริเวณจอมเทียนเพราะในบริเวณนั้นยังมีที่ดินที่จะสามารถพัฒนาได้อีกมากเมื่อเทียบกับบริเวณอื่นในพัทยา ไม่ว่าผู้ซื้อจะมองหาคอนโดฯลักษณะไหน ก็มีให้เลือกในพัทยา โดยจะเริ่มการก่อสร้างประมาณต้นปีหน้าและคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณปลายปี 2557 ยูนิตในฝันของผู้ซื้อคอนโดฯชาวไทยเพื่อเป็นบ้านหลังที่สองคือแบบ 1-2 ห้องนอน ขนาดประมาณ 55 ตร.ม. สำหรับนักลงทุนที่ซื้อเพื่อปล่อยเช่าจะมองหายูนิต 1 ห้องนอนที่เล็กกว่านี้อยู่ที่ประมาณ39 ตร.ม." นายแฟรงค์ กล่าว
ที่มา: หนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการรายวัน