สมาคมบ้านจัดสรร-อาคารชุด ฟันธง ตลาดแนวราบ-รายสูง แนวโน้มครึ่งปีหลัง ปี 2555 บ้าน-คอนโดมิเนียมระดับราคาไม่เกิน3 ล้านบาท ยังแรง ชี้ 5 เดือนแรก ปีมะโรง คอนโดมิเนียมทะลัก 30,000 หน่วย การขายชะลอตัว ส่วน 6 เดือนหลังบ้านชานเมืองมาแรง
หลังสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ปลายปี 2554 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ การเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรร ปรับกระบวนยุทธ์ เลื่อนการเปิดตัวเป็นช่วงต้นปี 2555 ส่งผลให้ซัพพลาย หรือ ปริมาณสินค้าเกิดขึ้นมากกว่าความต้องการส่งผลให้บางทำเลค่อนข้างหนาแน่น การแข่งขันระบายสต๊อกจึงเกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีแรก และทางออกในครึ่งปีหลังที่ต้องจับตาว่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นหรือไม่
หลังสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ปลายปี 2554 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ การเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรร ปรับกระบวนยุทธ์ เลื่อนการเปิดตัวเป็นช่วงต้นปี 2555 ส่งผลให้ซัพพลาย หรือ ปริมาณสินค้าเกิดขึ้นมากกว่าความต้องการส่งผลให้บางทำเลค่อนข้างหนาแน่น การแข่งขันระบายสต๊อกจึงเกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีแรก และทางออกในครึ่งปีหลังที่ต้องจับตาว่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นหรือไม่
ต่อเรื่องนี้ นายอิสระ บุญยัง นายกสมาคมบ้านจัดสรร เปิดเผยถึงสถานการณ์ครึ่งปีแรก และแนวโน้มครึ่งปีหลังปี 2555 ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ว่า ช่วงครึ่งปีแรก ตลาดจะเป็นของคอนโดมิเนียม ซึ่งเปิดตัวมากถึง 30,000 หน่วย ขณะที่บ้านแนวราบเปิดตัวเพียง 10,000 หน่วยเท่านั้น เนื่องจากความคล่องตัวของการพัฒนาบ้านจะใช้เวลามากกว่า เพราะเกิดจากน้ำท่วม ปรับที่ดิน ฟื้นฟู ทำแผนกั้นน้ำ ประกอบกับพื้นที่โครงการมีขนาดใหญ่ต้องใช้เวลาในการพัฒนา ขณะที่คอนโดมิเนียมสามารถขึ้นโครงการได้เลยเพราะเนื้อที่สร้างไม่มาก อย่างไรก็ดี สัดส่วนของอาคารชุดที่เกิดขึ้นในครึ่งปีแรก ถือว่ามากกว่าบ้านแนวราบในรอบ10 ปีที่ผ่านมา
"การเปิดตัวของอาคารชุดจำนวนมากในช่วงต้นปี 2555 ปริมาณซัพพลาย ยังไม่สะท้อนดีมานด์ หรือ ความต้องการตลาดอย่างแท้จริง แต่เป็นความพร้อม ความมั่นใจของผู้ประกอบการ ที่จะผลักดันโครงการออกมา หลังจากเกิดน้ำท่วมนั่นเอง"
นายกสมาคมบ้านจัดสรรสะท้อนต่อว่า สำหรับแนวโน้มครึ่งปีหลัง แนวราบจะปรับตัวดีขึ้น และประเมินว่าจะขึ้นโครงการกว่า 40,000 หน่วยทั้งในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ทั้งแนวราบและแนวสูงในช่วงครึ่งปีหลัง ปี 2555 ระดับราคาที่ยังครองใจตลาดทั้งบ้านและคอนโดมิเนียมจะอยู่ที่ไม่เกิน 3 ล้านบาท ต่อหน่วย
สอดคล้องกับ นายธำรง ปัญญา สกุลวงศ์ นายกสมาคมอาคารชุดไทย กล่าวว่าสถิติตัวเลขช่วง 5 เดือน (มกราคม -มิถุนายน 2555) ที่ผ่านมาจากการสำรวจพบว่า อาคารชุดเกิดใหม่ทั้งหมด 62 โครงการ จำนวน 28,500 หน่วย ทำเลส่วนใหญ่อยู่บริเวณกทม.ปริมณฑลแนวรถไฟฟ้า และอยู่ในพื้นที่ชั้นกลางเป็นส่วนใหญ่ ทั้งนี้ เปรียบเทียบช่วงปี 2554 ช่วงเดียวกัน มีจำนวนกว่า 30,000 หน่วย และปี 2553 ที่มีสูงถึง 66,000 หน่วย
อย่างไรก็ดีครึ่งปีแรกของปี 2555 อาคารชุดเกิดขึ้นมาก จากการ หนีน้ำท่วมจากปลายปี 2554 มาพัฒนาในช่วงต้นปี 2555 แทนส่งผลให้เกิดความหนาแน่น และขายลำบาก โดยเฉพาะทำเลเดียวกัน อาทิ แนวรถไฟฟ้าย่านอ่อนนุช พระโขนง ยาวไปถึงบางนา-ตราด หรือสุขุมวิทช่วงปลาย ส่วนสุขุมวิทตอนต้นตลาดยังไปได้ดีราคา 130,000-140,000 บาทต่อตารางเมตรยังไปได้ แต่ทั้งนี้ในภาพรวมการขายชะลอตัว ทั้งนี้ ปัจจัยเกิดจาก 1.นักเก็งกำไรน้อยลง 2. กลุ่มที่เคยซื้อคอนโดมิเนียมไปแล้วไม่หวนกลับมาซื้อสะสมอีกโดยเฉพาะระดับราคาตั้งแต่ 70,000-100,000 บาทต่อตารางเมตรการขายช้าลง และไม่ถึงขั้นขายไม่ออก "คนซื้อระดับนี้เริ่มชะลอตัวลง กำลังซื้อดูดซับไปแล้ว ดังนั้นขายช้าลงกว่าปกติ อีกประการการเก็งกำไรไม่มี เพราะช่วงหลังคนซื้ออยู่จริง"
นายธำรงอธิบายถึงการขายช้าลงในช่วงครึ่งปีแรกจะเกิดขึ้นประจำนับตั้งแต่เดือนเมษายน เป็นต้นไปถึงเดือนมิถุนายน เพราะ ทั้งมีช่วงหยุดยาวมาก ฝนตก ฯลฯ ส่วนช่วงที่ขายดีจะเป็นช่วงต้นปีหรือไตรมาสแรก และไตรมาสสุดท้ายของปี ทั้งแนวราบและแนวสูง
อย่างไรก็ดี ครึ่งปีหลัง 2555 ตลาดบ้านแนวราบจะดีขึ้น ความต้องการมีมากขึ้น ขณะที่คอนโดมิเนียม 8 ชั้น ระดับราคาไม่เกิน50,000 บาทต่อตารางเมตร หรือราคาไม่เกิน 1,500,000 บาท ต่อหน่วย ทำเลในซอยรัชดาภิเษก พหลโยธิน ลาดพร้าวฯลฯ อนาคตสดใสเพราะเกิดจากความต้องการที่แท้จริง เนื่องจาก ผังเมืองรวมกทม.ใหม่ ให้พัฒนาอาคารชุดในซอยได้เช่นเดิม เหมือนฉบับปี 2549 สรุปโดยภาพรวม ทั้งปีเฉลี่ยบ้านและอาคารชุด เกิดขึ้นในเขตกทม.ปริมณฑล 100,000 หน่วย มูลค่ากว่า300,000 ล้านบาท
ด้านนายวสันต์ คงจันทร์ กรรมการผู้จัดการบริษัทโมเดอร์น พร็อพเพอร์ตี้คอนซัลแทนส์ จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มครึ่งปีหลังบ้านแนวราบชานเมืองจะมาแรงโดยเฉพาะแนวรถไฟฟ้าระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,753 1 - 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
"การเปิดตัวของอาคารชุดจำนวนมากในช่วงต้นปี 2555 ปริมาณซัพพลาย ยังไม่สะท้อนดีมานด์ หรือ ความต้องการตลาดอย่างแท้จริง แต่เป็นความพร้อม ความมั่นใจของผู้ประกอบการ ที่จะผลักดันโครงการออกมา หลังจากเกิดน้ำท่วมนั่นเอง"
นายกสมาคมบ้านจัดสรรสะท้อนต่อว่า สำหรับแนวโน้มครึ่งปีหลัง แนวราบจะปรับตัวดีขึ้น และประเมินว่าจะขึ้นโครงการกว่า 40,000 หน่วยทั้งในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ทั้งแนวราบและแนวสูงในช่วงครึ่งปีหลัง ปี 2555 ระดับราคาที่ยังครองใจตลาดทั้งบ้านและคอนโดมิเนียมจะอยู่ที่ไม่เกิน 3 ล้านบาท ต่อหน่วย
สอดคล้องกับ นายธำรง ปัญญา สกุลวงศ์ นายกสมาคมอาคารชุดไทย กล่าวว่าสถิติตัวเลขช่วง 5 เดือน (มกราคม -มิถุนายน 2555) ที่ผ่านมาจากการสำรวจพบว่า อาคารชุดเกิดใหม่ทั้งหมด 62 โครงการ จำนวน 28,500 หน่วย ทำเลส่วนใหญ่อยู่บริเวณกทม.ปริมณฑลแนวรถไฟฟ้า และอยู่ในพื้นที่ชั้นกลางเป็นส่วนใหญ่ ทั้งนี้ เปรียบเทียบช่วงปี 2554 ช่วงเดียวกัน มีจำนวนกว่า 30,000 หน่วย และปี 2553 ที่มีสูงถึง 66,000 หน่วย
อย่างไรก็ดีครึ่งปีแรกของปี 2555 อาคารชุดเกิดขึ้นมาก จากการ หนีน้ำท่วมจากปลายปี 2554 มาพัฒนาในช่วงต้นปี 2555 แทนส่งผลให้เกิดความหนาแน่น และขายลำบาก โดยเฉพาะทำเลเดียวกัน อาทิ แนวรถไฟฟ้าย่านอ่อนนุช พระโขนง ยาวไปถึงบางนา-ตราด หรือสุขุมวิทช่วงปลาย ส่วนสุขุมวิทตอนต้นตลาดยังไปได้ดีราคา 130,000-140,000 บาทต่อตารางเมตรยังไปได้ แต่ทั้งนี้ในภาพรวมการขายชะลอตัว ทั้งนี้ ปัจจัยเกิดจาก 1.นักเก็งกำไรน้อยลง 2. กลุ่มที่เคยซื้อคอนโดมิเนียมไปแล้วไม่หวนกลับมาซื้อสะสมอีกโดยเฉพาะระดับราคาตั้งแต่ 70,000-100,000 บาทต่อตารางเมตรการขายช้าลง และไม่ถึงขั้นขายไม่ออก "คนซื้อระดับนี้เริ่มชะลอตัวลง กำลังซื้อดูดซับไปแล้ว ดังนั้นขายช้าลงกว่าปกติ อีกประการการเก็งกำไรไม่มี เพราะช่วงหลังคนซื้ออยู่จริง"
นายธำรงอธิบายถึงการขายช้าลงในช่วงครึ่งปีแรกจะเกิดขึ้นประจำนับตั้งแต่เดือนเมษายน เป็นต้นไปถึงเดือนมิถุนายน เพราะ ทั้งมีช่วงหยุดยาวมาก ฝนตก ฯลฯ ส่วนช่วงที่ขายดีจะเป็นช่วงต้นปีหรือไตรมาสแรก และไตรมาสสุดท้ายของปี ทั้งแนวราบและแนวสูง
อย่างไรก็ดี ครึ่งปีหลัง 2555 ตลาดบ้านแนวราบจะดีขึ้น ความต้องการมีมากขึ้น ขณะที่คอนโดมิเนียม 8 ชั้น ระดับราคาไม่เกิน50,000 บาทต่อตารางเมตร หรือราคาไม่เกิน 1,500,000 บาท ต่อหน่วย ทำเลในซอยรัชดาภิเษก พหลโยธิน ลาดพร้าวฯลฯ อนาคตสดใสเพราะเกิดจากความต้องการที่แท้จริง เนื่องจาก ผังเมืองรวมกทม.ใหม่ ให้พัฒนาอาคารชุดในซอยได้เช่นเดิม เหมือนฉบับปี 2549 สรุปโดยภาพรวม ทั้งปีเฉลี่ยบ้านและอาคารชุด เกิดขึ้นในเขตกทม.ปริมณฑล 100,000 หน่วย มูลค่ากว่า300,000 ล้านบาท
ด้านนายวสันต์ คงจันทร์ กรรมการผู้จัดการบริษัทโมเดอร์น พร็อพเพอร์ตี้คอนซัลแทนส์ จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มครึ่งปีหลังบ้านแนวราบชานเมืองจะมาแรงโดยเฉพาะแนวรถไฟฟ้าระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,753 1 - 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2555