"คอลลิเออร์ส" ระบุอสังหาฯเมืองตากอากาศ ครึ่งปีหลังแนวโน้มเติบโต หลัง 1-2 เดือนที่ผ่านมาการขายมีสัญญาณฟื้นตัว พร้อมเผยผลสำรวจตลาดคอนโดฯเมืองหัวหิน พัทยา ภูเก็ต เชียงใหม่ เขาใหญ่ พบเขาใหญ่รับผลกระทบหนักสุดรอบ 5 เดือนแรกของปีอัตราขายแค่ 5% ส่วน จ.เชียงใหม่ไม่ได้รับผลกระทบจากการเมือง เชื่อหัวหินฟื้นตัวเร็วสุด หลังนักลงทุนไทยตระกูลดัง-ต่างชาติกว้านซื้อที่ดินต่อเนื่อง
นายสัญชัย คูเอกชัย รองผู้อำนวยการฝ่ายโครงการที่อยู่อาศัยส่วนภูมิภาค บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มตลาดที่อยู่อาศัยตามหัวเมืองท่องเที่ยว 5 ทำเลหลักได้แก่ เชียงใหม่, พัทยา, เขาใหญ่, ชะอำ หัวหิน ปราณบุรี และภูเก็ต โดยพบว่าเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวดีขึ้น โดยตลาดที่คาดว่าจะฟื้นตัวเร็วที่สุด คือ หัวหิน ชะอำ ปราณบุรี เนื่องจากกลุ่มผู้ซื้อหลักเป็นชาวไทยที่เริ่มมีความเชื่อมั่นมากขึ้น หลังจากการเมืองคลี่คลาย โดยสินค้าที่ขายดีระดับราคาไม่เกิน 4 ล้านบาท/ยูนิต ทำเลติดชายหาด ทั้งนี้จากการสำรวจพบว่าในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมามีโครงการเปิดใหม่ 343 ล้านบาท อัตราการขาย 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 57 พบว่ามีจำนวน 1,247 อัตราการขาย 55%
"ทำเลเมืองหัวหินยังได้รับความสนใจจากกลุ่มนักลงทุนทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มตระกูลใหญ่ๆ เช่นลิปตพัลลภ, สารสิน ที่กว้านซื้อที่ดินใน ซ. 112 ขนาด 30-40 ไร่/แปลง เพื่อเก็บไว้ลงทุน บางส่วนเก็งกำไร เพราะปัจจุบันซอยนี้อยู่ระหว่างขยายถนนเป็น 4 เลน นอกจากนี้ยังมีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ของกลุ่มเดอะมอลล์, โครงการสวนน้ำวานา นาวา หัวหิน วอเตอร์ จังเกิ้ลของกลุ่มลิปตพัลลภ รวมถึงโครงการมหาสมุทร ยิ่งทำให้ซอยนี้มีศักยภาพมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มลิปตพัลลภ ที่ซื้อที่ดินเพื่อลงทุนพัฒนาที่อยู่อาศัยต่อยอดโครงการสวนน้ำของตนเอง" นายสัญชัยกล่าว
นอกจากนี้ยังพบว่านักลงทุนชาวต่างชาติ เริ่มเข้ามากว้านซื้อที่ดิน โดยเฉพาะชาวเนเธอร์แลนด์ สแกนดิเนเวียน จีน เริ่มเข้ามาเจรจาซื้อที่ดิน เพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขายให้แก่คนสัญชาติตัวเอง ขนาดประมาณ 30-40 ยูนิต ราคาประมาณไม่เกิน 6 ล้านบาท การที่มีกลุ่มนักลงทุนเข้ามากว้านซื้อที่ดิน รวมถึงการขยายถนนดังกล่าว ทำให้ราคาที่ดินปรับขึ้นสูงมากจากช่วง 2 ปีที่ผ่านมาราคาที่ดินริมถนนราคา 3-4 ล้านบาท/ไร่ ปรับขึ้นมาเป็น 20 ล้านบาทไร่
ส่วนตลาด พัทยา คาดว่าจะฟื้นตัวต่อจากตลาดหัวหิน เนื่องจากกลุ่มผู้ซื้อหลักมีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ในสัดส่วน 50:50 แม้ว่าตลาดชาวไทยจะกลับเข้ามาซื้อ แต่กลุ่มชาวต่างชาติยังไม่เชื่อมั่นในสถานการณ์ทางการเมืองของไทย ซึ่งตลาดที่ยังพอขายได้เป็นคอนโดฯราคาไม่แพง โดยในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา มีโครงการคอนโดฯเปิดใหม่ 2,169 ยูนิต อัตราการขาย 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 56 พบว่ามีจำนวน 7,403 ยูนิต อัตราการขาย 61% ขณะที่ตลาดภูเก็ต ชะลอตัวตามทิศทางตลาด โดยตลาดที่ยังพอขายได้ทั้งบ้านและคอนโดฯ ราคาไม่แพงอยู่ใกล้ศูนย์การค้า
ส่วนตลาดเขาใหญ่ เป็นตลาดที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด เนื่องจากกลุ่มผู้ซื้อหลักเป็นชาวไทยที่ซื้อเป็นบ้านหลังที่ 2 นอกจากนี้สินค้าที่เปิดตัวใหม่ส่วนใหญ่ยังเป็นวิลลาอิงกับธรรมชาติของป่าเขา สินค้าที่ยังพอขายได้เป็นคอนโดฯราคาไม่แพง สำหรับในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมามีคอนโดฯเปิดใหม่ 480 ยูนิต อัตราการขายเพียง 5% เท่านั้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 56 พบว่ามีคอนโดฯเปิดใหม่ 1,247 ยูนิต อัตราการขาย 55%
สำหรับตลาดเชียงใหม่ ไม่ได้รับผลกระทบโดยกลุ่มผู้ซื้อหลักเป็นชาวไทย ส่วนต่างชาติมีบางส่วนเป็นชาวญี่ปุ่น จีน ทั้งนี้เชียงใหม่ได้รับอานิสงส์จากการเปิด AEC ทำให้ยังคงมีนักลงทุนสนใจเข้ามาซื้ออสังหาฯ โดยช่วง 5 เดือนมีคอนโดฯเปิดใหม่ 709 ยูนิต อัตราการขาย 62%
"เขาใหญ่เป็นตลาดที่ชะลอตัวลงอย่างมากเนื่องจากผู้ซื้อหลักเป็นชาวไทยอย่างเดียว ส่วนหัวเมืองอื่นๆปรับลดลงเช่นกัน แต่ตลาดที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 3-4 ล้านบาทยังขายได้ ทั้งนี้ เริ่มมีสัญญาณแนวโน้มที่ดีขึ้น ในส่วนของผู้ซื้อชาวไทยที่เริ่มมีการเยี่ยมชมโครงการและตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยเมืองตากอากาศมากขึ้นและจะกลับมาคึกคักอีกครั้งในครึ่งปีหลังเนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองเริ่มนิ่ง ผู้พัฒนาโครงการเริ่มจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย อย่างต่อเนื่อง"
ที่มา : ASTV ผู้จัดการรายวัน