นายธำรง ปัญญาสกุลวงศ์ นายกสมาคมอาคารชุดไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมของคอนโดมิเนียมในปีนี้มีแนวโน้มเติบโตดีมาก เพราะลูกค้าหันมาซื้อคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้น จึงต้องการหาบ้านแห่งที่ 2 ในเมือง หลังเกิดปัญหาน้ำท่วมในปีก่อน คาดว่าในปีนี้จะมีคอนโดมิเนียมเปิดตัวใหม่ในตลาดประมาณ 50,000 หน่วย เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ได้เปิดตัวใหม่ 42,000 หน่วย ขณะเดียวกันคอนโดมิเนียมที่อยู่ในพื้นที่แนวรถไฟฟ้า โดยเฉพาะเส้นอ่อนนุช ที่มีมากกว่า 10,000 ยูนิต และหลายฝ่ายกังวลว่าจะเกิดปัญหาคอนโดมิเนียมล้นตลาด พบว่าลูกค้าเข้าไปซื้อคอนโดมิเนียมในพื้นที่ดังกล่าวมากขึ้น จึงมั่นใจไม่เกิดปัญหาฟองสบู่เกิดขึ้น ประกอบกับจะมีการใช้ พ.ร.บ.สถาบันคุ้มครองเงินฝาก ที่คุ้มครองเงินฝากตามจำนวนที่ฝากไว้ จึงเริ่มเห็นสัญญาณที่คนที่มีเงินฝากมากกว่า 1 ล้านบาทขึ้นไป เริ่มมาลงทุนซื้อคอนโดมิเนียม ราคา 1 ล้านบาทมากขึ้นแล้ว
สำหรับแนวโน้มราคาคอนโดมิเนียม คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นกว่า 5% ตามต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่สูงขึ้น ค่าแรงงานขั้นต่ำ 300 บาทที่มีผลในเดือน เม.ย. และยังมาจากราคาน้ำมันในประเทศที่สูงขึ้นต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน หากผังเมืองฉบับใหม่มีผลบังคับใช้เมื่อใดนั้น อาจจะทำให้ราคาที่ดินใน กทม. สูงขึ้นมาก ตั้งแต่ระดับ 20-100% รวมทั้งอาจทำให้ ราคาคอนโดมิเนียม สูงขึ้นมากในอนาคต
นายอลัน หลิน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ฮาริสัน จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบธุรกิจโบรกเกอร์อสังหาริมทรัพย์ครบวงจร และวันสต๊อปเซอร์วิส กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในปีนี้ยังมีโอกาสเติบโตได้ดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดคอนโดมิเนียม ที่ได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้บริโภคที่สนใจซื้อที่อยู่อาศัยแห่งที่ 2 มากขึ้น หลังจากเกิดปัญหาน้ำท่วม ส่วนกลุ่มลูกค้าต่างชาติพบว่า เข้ามาซื้อที่อยู่อาศัยในไทยลดลงต่อเนื่องมา 2-3 ปีแล้ว เป็นผลมาจากสถานการณ์ในประเทศไทยที่ปัญหาการเมืองไม่นิ่ง และวิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในยุโรป ส่งผลให้ปัจจุบัน สัดส่วนลูกค้า ต่างชาติ หดตัวลงอยู่ที่ 15% จากเดิมมีสัดส่วนอยู่ที่ 30% ส่วนที่เหลือเป็นกลุ่มลูกค้าคนไทย
สำหรับแผนการบริหารโครงการใหม่ในปีนี้ มีจำนวน 20 โครงการใหม่ มีมูลค่าการขายประมาณ 18,000 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการคอนโดมิเนียมประมาณ 13 โครงการ ศูนย์การค้าประมาณ 2-3 โครงการ และที่เหลือเป็นโครงการที่พักอาศัยรูปแบบต่าง ๆ โดยโครงการที่อยู่ในการบริหารขนาดเล็กสุดอยู่ที่ 80 ห้อง ขณะที่สัดส่วนโครงการจะอยู่ในพื้นที่ กทม.ส่วนใหญ่ประมาณ 70% และอีก 30% เป็นโครงการในต่างจังหวัด เชื่อมั่นว่า 25,000 ล้านบาท
"ในปีนี้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังมีโอกาสไปได้ดีอยู่ โดยเฉพาะช่วงก่อนเกิดปัญหาน้ำท่วม ที่โครงการคอนโดมิเนียมจะชะลอตัวมาก แต่เมื่อเกิดปัญหาน้ำท่วมแล้ว ทำให้ตลาดคอนโดมิเนียมกลับมาเติบโตได้ดีอีกครั้ง".
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
นายอลัน หลิน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ฮาริสัน จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบธุรกิจโบรกเกอร์อสังหาริมทรัพย์ครบวงจร และวันสต๊อปเซอร์วิส กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในปีนี้ยังมีโอกาสเติบโตได้ดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดคอนโดมิเนียม ที่ได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้บริโภคที่สนใจซื้อที่อยู่อาศัยแห่งที่ 2 มากขึ้น หลังจากเกิดปัญหาน้ำท่วม ส่วนกลุ่มลูกค้าต่างชาติพบว่า เข้ามาซื้อที่อยู่อาศัยในไทยลดลงต่อเนื่องมา 2-3 ปีแล้ว เป็นผลมาจากสถานการณ์ในประเทศไทยที่ปัญหาการเมืองไม่นิ่ง และวิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในยุโรป ส่งผลให้ปัจจุบัน สัดส่วนลูกค้า ต่างชาติ หดตัวลงอยู่ที่ 15% จากเดิมมีสัดส่วนอยู่ที่ 30% ส่วนที่เหลือเป็นกลุ่มลูกค้าคนไทย
สำหรับแผนการบริหารโครงการใหม่ในปีนี้ มีจำนวน 20 โครงการใหม่ มีมูลค่าการขายประมาณ 18,000 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการคอนโดมิเนียมประมาณ 13 โครงการ ศูนย์การค้าประมาณ 2-3 โครงการ และที่เหลือเป็นโครงการที่พักอาศัยรูปแบบต่าง ๆ โดยโครงการที่อยู่ในการบริหารขนาดเล็กสุดอยู่ที่ 80 ห้อง ขณะที่สัดส่วนโครงการจะอยู่ในพื้นที่ กทม.ส่วนใหญ่ประมาณ 70% และอีก 30% เป็นโครงการในต่างจังหวัด เชื่อมั่นว่า 25,000 ล้านบาท
"ในปีนี้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังมีโอกาสไปได้ดีอยู่ โดยเฉพาะช่วงก่อนเกิดปัญหาน้ำท่วม ที่โครงการคอนโดมิเนียมจะชะลอตัวมาก แต่เมื่อเกิดปัญหาน้ำท่วมแล้ว ทำให้ตลาดคอนโดมิเนียมกลับมาเติบโตได้ดีอีกครั้ง".
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์