ตลาดอสังหาฯ 5 จังหวัดหัวเมืองรองบูมรับค่าแรง 300 บาท เงินเดือน 15,000 บาท ขาใหญ่เมืองกรุงทั้งแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ - ศุภาลัย ลุยปักธงแล้ว ฝ่ายเจ้าถิ่นขยับเก็บที่ดินชิงขึ้นโครงการใหม่ เผยราคาที่ดินทำเลเด่นบางแปลงพุ่งกว่า 300%
นายวสันต์ คงจันทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โมเดอร์น พร็อพเพอร์ตี้ คอนซัลแตนท์ จำกัด เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ทิศทางการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในต่างจังหวัดมีความเคลื่อนไหวมากกว่าช่วงปีที่ผ่านมา เห็นได้จากบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯขยายการพัฒนาออกไปยังพื้นที่ต่างจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดหัวเมืองหลัก อาทิ จ.เชียงใหม่ ขอนแก่น ภูเก็ต ชะอำ หัวหิน พัทยา เป็นต้น เป็นการหาโอกาสทางตลาดใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น
นอกเหนือจากจังหวัดหัวเมืองหลักที่ผู้ประกอบการรายใหญ่ให้ความสนใจออกไปพัฒนาโครงการจำนวนมากแล้ว ขณะนี้จังหวัดหัวเมืองรอง อาทิ พิษณุโลก ระยอง อุดรธานี พิษณุโลก สุราษฎร์ธานี และสงขลา ก็มีการขยายการลงทุนในส่วนของการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพิ่มมากขึ้นด้วย แต่ยังเป็นการขยายการลงทุนของผู้ประกอบการท้องถิ่นระดับเอสเอ็มอีมากกว่า ซึ่งประเมินว่าในแต่ละจังหวัดดังกล่าว จะมีการขยายการลงทุนเพิ่มไม่ต่ำกว่า 20-30% จากปีที่ผ่านมา โดยรวมมีการลงทุนระดับกว่า 10,000 ล้านบาท มีจำนวนหน่วยพัฒนาประมาณ 3,000-4,000 ยูนิต
นายวสันต์ คงจันทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โมเดอร์น พร็อพเพอร์ตี้ คอนซัลแตนท์ จำกัด เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ทิศทางการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในต่างจังหวัดมีความเคลื่อนไหวมากกว่าช่วงปีที่ผ่านมา เห็นได้จากบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯขยายการพัฒนาออกไปยังพื้นที่ต่างจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดหัวเมืองหลัก อาทิ จ.เชียงใหม่ ขอนแก่น ภูเก็ต ชะอำ หัวหิน พัทยา เป็นต้น เป็นการหาโอกาสทางตลาดใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น
นอกเหนือจากจังหวัดหัวเมืองหลักที่ผู้ประกอบการรายใหญ่ให้ความสนใจออกไปพัฒนาโครงการจำนวนมากแล้ว ขณะนี้จังหวัดหัวเมืองรอง อาทิ พิษณุโลก ระยอง อุดรธานี พิษณุโลก สุราษฎร์ธานี และสงขลา ก็มีการขยายการลงทุนในส่วนของการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพิ่มมากขึ้นด้วย แต่ยังเป็นการขยายการลงทุนของผู้ประกอบการท้องถิ่นระดับเอสเอ็มอีมากกว่า ซึ่งประเมินว่าในแต่ละจังหวัดดังกล่าว จะมีการขยายการลงทุนเพิ่มไม่ต่ำกว่า 20-30% จากปีที่ผ่านมา โดยรวมมีการลงทุนระดับกว่า 10,000 ล้านบาท มีจำนวนหน่วยพัฒนาประมาณ 3,000-4,000 ยูนิต
ขณะนี้ตลาดอสังหาฯ ในจังหวัดหัวเมืองรองมีความคึกคักมาก เริ่มเห็นสัญญาณการลงทุนต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2553 บางจังหวัดมีการเปิดโครงการใหม่ต่อเนื่องเกือบทุกเดือน แต่เป็นโครงการพัฒนาบ้านที่อยู่อาศัยจำนวน 30-50 ยูนิต เพราะสามารถปิดการขายได้เร็ว
"ในการจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ที่อำเภอหาดใหญ่เมื่อเร็วๆนี้ สามารถทำยอดขายได้มากถึง 1,000 ล้านบาท ขณะที่งานลักษณะเดียวกันแต่จัดในกรุงเทพฯ ช่วงที่ผ่านมาเช่นกัน ทำยอดขายได้เพียง 3,000 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่าตลาดอสังหาฯ ในต่างจังหวัดมีการเติบโตสูงมาก" นายวสันต์ กล่าวและว่า
ปัจจัยที่ทำให้ตลาดต่างจังหวัดหัวเมืองรองมีการพัฒนาที่อยู่อาศัยมากขึ้น อันดับแรกมาจาก ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่มีการเจริญเติบโต โดยเฉพาะผลผลิตด้านสินค้าการเกษตรมีราคาสูง เช่น ยางพาราที่มีการปลูกกันในหลายภูมิภาค การปรับค่าแรงงานขั้นต่ำ 300 บาท และการปรับเงินเดือนเป็น 15,000 บาท ปัจจัยที่สอง การเป็นเมืองศูนย์กลางทางการศึกษา โดยเฉพาะการมีมหาวิทยาลัย และ สุดท้าย การเป็นเมืองศูนย์กลางราชการ
-ค้าปลีกปลุกเมืองสองแคว
นายวิศวะ วิศวชัยวัฒน์ ประธานหอการค้าจังหวัดพิษณุโลก กล่าวถึงทิศทางเศรษฐกิจของจังหวัดพิษณุโลกปีนี้มีแนวโน้มเติบโต หลังจากที่มีห้างสรรพสินค้าใหญ่อย่าง เซ็นทรัล พลาซา มาเปิดสาขา ทำให้ราคาที่ดินในจังหวัดพิษณุโลกขยับสูงขึ้นจากเดิมเท่าตัว โดยเฉพาะพื้นที่เส้นทาง พิษณุโลก - สุโขทัย และพิษณุโลก- นครสวรรค์ จากเดิมตารางวาละ 10,000 บาท ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 20,000 บาท เพื่อรองรับห้างดูโฮม และ โลตัส ที่จะเปิดใหม่ ประกอบกับที่ผ่านมาจังหวัดพิษณุโลกเป็นหนึ่งในจังหวัดที่ไม่ถูกน้ำท่วมในพื้นที่เศรษฐกิจ ทำให้เป็นที่สนใจของนักธุรกิจลงทุนสร้างโรงงานเพิ่มมากขึ้น ส่งผลต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ ที่ช่วงนี้มีการขยายตัวลงทุนเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งเป็นที่สนใจของกลุ่มสารสิริ ที่จะมาลงทุนในธุรกิจบ้านจัดสรร ทำให้มีแนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โตขึ้นไม่น่าต่ำกว่า 15%
-อุดรเนื้อหอมขาใหญ่รุมตอม
นางพรทิพย์ ธนศรีวนิชชัย ประธานชมรมอสังหาริมทรัพย์ จังหวัดอุดรธานี กล่าวว่า ในระยะ 3 ปีที่ผ่านมา จังหวัดอุดรธานีมีการพัฒนาโครงการอสังหาฯ จำนวนมาก ตามการเติบโตด้านเศรษฐกิจ เนื่องจากอุดรเป็นเมืองศูนย์กลางด้านการขนส่งและการค้า ปัจจุบันมีผู้ประกอบการพัฒนาโครงการต่างๆ รวม 26 โครงการ จาก 22 บริษัท และปีนี้ยังมีความเคลื่อนไหวของผู้ประกอบการรายใหญ่จากกรุงเทพฯ ได้แก่ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ที่เข้ามาซื้อที่ดิน 50 ไร่ เพื่อพัฒนาโครงการด้วย ส่วนบริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ก็อยู่ระหว่างการหาที่ดินด้วยเช่นกัน ขณะที่ผู้ประกอบการในพื้นที่ก็มีการขยายการลงทุนต่อเนื่อง แต่จะเป็นโครงการขนาดเล็กมีจำนวน 30-50 ยูนิต ต่อโครงการ
นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ที่ผ่านมาบริษัทพัฒนาโครงการในต่างจังหวัดที่เป็นหัวเมืองหลัก อาทิ ขอนแก่น ภูเก็ต หาดใหญ่ เชียงใหม่ เป็นต้น ในปีนี้จะพัฒนาโครงการในต่างจังหวัดรวม10 โครงการ และยังได้เปิดตลาดใหม่อีก 2 แห่ง คือ สุราษฎร์ธานี และชลบุรี นอกจากนี้ยังให้ความสนใจจังหวัดอื่นๆ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น อุดรธานี ซึ่งอยู่ระหว่างหาซื้อที่ดิน เพราะมองเห็นศักยภาพที่ดีของตลาด อีกทั้งยังสนใจตลาดอื่นๆ อีก เช่น นครราชสีมา อุบลราชธานี นครสวรรค์ เชียงราย ระยอง และนครศรีธรรมราชด้วย ซึ่งหากเป็นจังหวัดขนาดใหญ่วางแผนการพัฒนาประมาณ 3 โครงการ ส่วนจังหวัดขนาดเล็กจะพัฒนาประมาณ 2 โครงการ
-สงขลาบ้านแพง
ดร.สุรชัย จิตภักดีบดินทร์ ประธานหอการค้าจังหวัดสงขลา เผยถึงความเคลื่อนไหวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ภายในจังหวัดสงขลาว่า ปัจจุบันค่อนข้างคึกคักมาก โดยเฉพาะบริเวณถนนปุณณกันต์ รอบมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กลายเป็นทำเลทองของบ้านจัดสรร อาคารพาณิชย์ คอนโดมิเนียม รองรับ กลุ่มนักศึกษา ทั้งในจังหวัดและคนต่างถิ่น ประชาชนทั่วไปและประชาชนที่อพยพมาจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
โดยราคาที่ดินปี 2555 ไตรมาสแรก ขยับขึ้น 15-20% เมื่อเทียบกับปี 2554 ทั้งนี้ ที่ดินติดถนนปุณณกันต์ ราคาตารางวาละ 50,000 บาท ส่วนใหญ่จะพัฒนาเป็นตึกแถวอาคารพาณิชย์ เฉลี่ยราคา 3 - 4 ล้านบาท ถัดไปด้านในข้างมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ราคาตารางวาละ 30,000 บาท หรือ ไร่ละ 12 ล้านบาท ขณะเดียวกันได้มีผู้ประกอบการซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนในท้องถิ่นพัฒนาบ้านจัดสรร ส่วนใหญ่จะเป็นทำเลด้านในซอยถัดจากถนนใหญ่ ยอมรับว่า ทั้งที่ดินและราคาบ้านค่อนข้างแพงมาก เฉลี่ย ทาวน์เฮาส์หลังละ ราคา 2.5 -3 ล้านบาท และบ้านเดี่ยวหลังละ 4.5 -5ล้านบาท
"สาเหตุของราคาบ้านและที่ดินแพงเนื่องจาก มีความต้องการสูงและที่ดินเหลือน้อย ประกอบกับ เศรษฐกิจของจังหวัดสงขลา ยังถือว่าดี แม้จะเกิดระเบิดคาร์บอมบ์ที่อำเภอหาดใหญ่ก็ตาม ประเมินว่า นักลงทุนยังสนใจลงทุน รวมถึงบริษัทพัฒนาที่ดินจากกรุงเทพฯ"
-ระยองบูมที่ปลวกแดง
สอดคล้องกับ นายวิรัตน์ ศิริสกุลงาม ประธานหอการค้า จังหวัดระยอง กล่าวว่า การลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ของจังหวัดระยอง พบว่า ทำเลยอดนิยมคือที่อำเภอปลวกแดง มีโครงการจัดสรรเกิดขึ้นมาก รวมถึงอำเภอนิคมพัฒนา ที่เริ่มมีผู้ประกอบการเข้าไปลงทุน ซึ่งเป็นการพัฒนาในทำเลรอบๆ โรงงานอุตสาหกรรมและนิคมอุตสาหกรรมภายในจังหวัด ขณะเดียวกันหลังเกิดน้ำท่วมใหญ่ ปลายปี 2554 ที่ผ่านมา มีนักลงทุน ย้ายฐานการผลิตจากจังหวัดปทุมธานี และพระนครศรีอยุธยาเข้ามายังระยองมาก แต่จะเป็นเอสเอ็มอี รวมถึงนักลงทุนรายใหม่ ๆที่ต้องการหาทำเลลงทุนที่มั่นคงระยะยาว
ทำเลที่มาแรงเป็นที่สนใจของนักลงทุนอีกแห่งคือ อำเภอนิคมพัฒนา ในอนาคตอันใกล้ 2-3 ปีข้างหน้าจะมีการพัฒนามากขึ้น เนื่องจากนิคมอุตสาหกรรมจะมีการขยายตัว ส่วนบ้านจัดสรร ปัจจุบันยังเข้าไปลงทุน ไม่มากเมื่อเทียบกับอำเภอปลวกแดง โดยราคาที่ดินที่อำเภอนิคมพัฒนา ราคาเฉลี่ยไร่ละ 4 แสนบาท และจะขยับขึ้น 20% ต่อปี ส่วนที่ทำเลท่องเที่ยว จะทรงๆตัว โดยทำเลชายหาด อาทิ หาดแม่รำพึง แหลมแม่พิมพ์ ราคาเฉลี่ย 7-10 ล้านบาทต่อไร่
-สำรวจราคาที่ดินหัวเมืองรอง
จากการสำรวจราคาที่ดินเขตหัวเมืองรอง 5 จังหวัดพบว่า ที่อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง ย่านสะพานสี่ราคาที่ดินซื้อขายสูงสุด อยู่ที่ไร่ละ 10 ล้านบาท หรือราคาตารางวาละ 25,000 บาท ซึ่งไตรมาสแรกของปี 2555 ขยับเพิ่มสูงมาก ซึ่งสะท้อนจากราคาซื้อขายตึกแถว จากราคา 3 ล้านบาท ขยับเป็น 4 ล้านบาท และสร้างเท่าไรก็ขายได้หมด
บนถนนสายสำคัญของจังหวัดพิษณุโลก ราคาสูงสุด 50,000-80,000 บาทต่อตารางวา ซึ่งปี 2555-2558 ยืนราคาเดิม รวมถึง ถนนนเรศวร ก็ยืนราคาที่ 80,000 บาทต่อตารางวาเช่นเดียวกัน แต่ทำเลที่ราคาประเมินปรับขึ้นของ พิษณุโลก คือบริเวณทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 พิษณุโลก -เพชรบูรณ์จาก 2,000-20,000 บาทต่อตารางวาในปี 2551-2554 ขยับเป็น 4,000-20,000 บาทต่อตารางวา ในปี 2555-2558 ซึ่งขยับขึ้น 10% ส่วนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1086(พิษณุโลก-วัดโบสถ์) ปรับขึ้น 100% จากราคา 1,000-15,000 บาทต่อตารางวา เป็น 2,000-15,000 บาทต่อตารางวา ถนนสิงหวัฒน์ ขยับ 16.67 % ราคา 30,000-70,000 บาทต่อตารางวาเป็น 35,000-70,000 บาทต่อตารางวา
สุราษฎร์ธานี ถนนหน้าเมือง ราคาประเมินสูงสุดของ จังหวัด แต่ทรงตัวอยู่ที่ 150,000 บาทต่อตารางวา ถนนราษฎร์อุทิศ ขยับ 60% จาก 50,000 -80,000 บาทต่อตารางวา ถนนไตรอนุสรณ์ ขยับขึ้น 50% จาก 40,000 บาทต่อตารางวาเป็น 60,000 บาทต่อตารางวา ถนนมิตรเกษม ขยับ 50% จาก ราคา 40,000 บาทต่อตารางวาเป็น 60,000 บาทต่อตารางวา
อุดรธานี ราคาประเมิน ขยับสูงสุดที่ถนนโพนพิสัย 66.67% จาก 12,000-50,000 บาทต่อตารางวา เป็น 20,000-50,000 บาทต่อตางวา ถนนหลังสถานีรถไฟ หรือถนนทองใหม่ ขยับขึ้น 316.67% จาก 12,000 บาทต่อตารางวาเป็น 50,000 บาทต่อตารางวา
ที่มา: หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,729 วันที่ 8-11 เมษายน พ.ศ. 2555
"ในการจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ที่อำเภอหาดใหญ่เมื่อเร็วๆนี้ สามารถทำยอดขายได้มากถึง 1,000 ล้านบาท ขณะที่งานลักษณะเดียวกันแต่จัดในกรุงเทพฯ ช่วงที่ผ่านมาเช่นกัน ทำยอดขายได้เพียง 3,000 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่าตลาดอสังหาฯ ในต่างจังหวัดมีการเติบโตสูงมาก" นายวสันต์ กล่าวและว่า
ปัจจัยที่ทำให้ตลาดต่างจังหวัดหัวเมืองรองมีการพัฒนาที่อยู่อาศัยมากขึ้น อันดับแรกมาจาก ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่มีการเจริญเติบโต โดยเฉพาะผลผลิตด้านสินค้าการเกษตรมีราคาสูง เช่น ยางพาราที่มีการปลูกกันในหลายภูมิภาค การปรับค่าแรงงานขั้นต่ำ 300 บาท และการปรับเงินเดือนเป็น 15,000 บาท ปัจจัยที่สอง การเป็นเมืองศูนย์กลางทางการศึกษา โดยเฉพาะการมีมหาวิทยาลัย และ สุดท้าย การเป็นเมืองศูนย์กลางราชการ
-ค้าปลีกปลุกเมืองสองแคว
นายวิศวะ วิศวชัยวัฒน์ ประธานหอการค้าจังหวัดพิษณุโลก กล่าวถึงทิศทางเศรษฐกิจของจังหวัดพิษณุโลกปีนี้มีแนวโน้มเติบโต หลังจากที่มีห้างสรรพสินค้าใหญ่อย่าง เซ็นทรัล พลาซา มาเปิดสาขา ทำให้ราคาที่ดินในจังหวัดพิษณุโลกขยับสูงขึ้นจากเดิมเท่าตัว โดยเฉพาะพื้นที่เส้นทาง พิษณุโลก - สุโขทัย และพิษณุโลก- นครสวรรค์ จากเดิมตารางวาละ 10,000 บาท ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 20,000 บาท เพื่อรองรับห้างดูโฮม และ โลตัส ที่จะเปิดใหม่ ประกอบกับที่ผ่านมาจังหวัดพิษณุโลกเป็นหนึ่งในจังหวัดที่ไม่ถูกน้ำท่วมในพื้นที่เศรษฐกิจ ทำให้เป็นที่สนใจของนักธุรกิจลงทุนสร้างโรงงานเพิ่มมากขึ้น ส่งผลต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ ที่ช่วงนี้มีการขยายตัวลงทุนเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งเป็นที่สนใจของกลุ่มสารสิริ ที่จะมาลงทุนในธุรกิจบ้านจัดสรร ทำให้มีแนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โตขึ้นไม่น่าต่ำกว่า 15%
-อุดรเนื้อหอมขาใหญ่รุมตอม
นางพรทิพย์ ธนศรีวนิชชัย ประธานชมรมอสังหาริมทรัพย์ จังหวัดอุดรธานี กล่าวว่า ในระยะ 3 ปีที่ผ่านมา จังหวัดอุดรธานีมีการพัฒนาโครงการอสังหาฯ จำนวนมาก ตามการเติบโตด้านเศรษฐกิจ เนื่องจากอุดรเป็นเมืองศูนย์กลางด้านการขนส่งและการค้า ปัจจุบันมีผู้ประกอบการพัฒนาโครงการต่างๆ รวม 26 โครงการ จาก 22 บริษัท และปีนี้ยังมีความเคลื่อนไหวของผู้ประกอบการรายใหญ่จากกรุงเทพฯ ได้แก่ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ที่เข้ามาซื้อที่ดิน 50 ไร่ เพื่อพัฒนาโครงการด้วย ส่วนบริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ก็อยู่ระหว่างการหาที่ดินด้วยเช่นกัน ขณะที่ผู้ประกอบการในพื้นที่ก็มีการขยายการลงทุนต่อเนื่อง แต่จะเป็นโครงการขนาดเล็กมีจำนวน 30-50 ยูนิต ต่อโครงการ
นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ที่ผ่านมาบริษัทพัฒนาโครงการในต่างจังหวัดที่เป็นหัวเมืองหลัก อาทิ ขอนแก่น ภูเก็ต หาดใหญ่ เชียงใหม่ เป็นต้น ในปีนี้จะพัฒนาโครงการในต่างจังหวัดรวม10 โครงการ และยังได้เปิดตลาดใหม่อีก 2 แห่ง คือ สุราษฎร์ธานี และชลบุรี นอกจากนี้ยังให้ความสนใจจังหวัดอื่นๆ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น อุดรธานี ซึ่งอยู่ระหว่างหาซื้อที่ดิน เพราะมองเห็นศักยภาพที่ดีของตลาด อีกทั้งยังสนใจตลาดอื่นๆ อีก เช่น นครราชสีมา อุบลราชธานี นครสวรรค์ เชียงราย ระยอง และนครศรีธรรมราชด้วย ซึ่งหากเป็นจังหวัดขนาดใหญ่วางแผนการพัฒนาประมาณ 3 โครงการ ส่วนจังหวัดขนาดเล็กจะพัฒนาประมาณ 2 โครงการ
-สงขลาบ้านแพง
ดร.สุรชัย จิตภักดีบดินทร์ ประธานหอการค้าจังหวัดสงขลา เผยถึงความเคลื่อนไหวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ภายในจังหวัดสงขลาว่า ปัจจุบันค่อนข้างคึกคักมาก โดยเฉพาะบริเวณถนนปุณณกันต์ รอบมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กลายเป็นทำเลทองของบ้านจัดสรร อาคารพาณิชย์ คอนโดมิเนียม รองรับ กลุ่มนักศึกษา ทั้งในจังหวัดและคนต่างถิ่น ประชาชนทั่วไปและประชาชนที่อพยพมาจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
โดยราคาที่ดินปี 2555 ไตรมาสแรก ขยับขึ้น 15-20% เมื่อเทียบกับปี 2554 ทั้งนี้ ที่ดินติดถนนปุณณกันต์ ราคาตารางวาละ 50,000 บาท ส่วนใหญ่จะพัฒนาเป็นตึกแถวอาคารพาณิชย์ เฉลี่ยราคา 3 - 4 ล้านบาท ถัดไปด้านในข้างมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ราคาตารางวาละ 30,000 บาท หรือ ไร่ละ 12 ล้านบาท ขณะเดียวกันได้มีผู้ประกอบการซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนในท้องถิ่นพัฒนาบ้านจัดสรร ส่วนใหญ่จะเป็นทำเลด้านในซอยถัดจากถนนใหญ่ ยอมรับว่า ทั้งที่ดินและราคาบ้านค่อนข้างแพงมาก เฉลี่ย ทาวน์เฮาส์หลังละ ราคา 2.5 -3 ล้านบาท และบ้านเดี่ยวหลังละ 4.5 -5ล้านบาท
"สาเหตุของราคาบ้านและที่ดินแพงเนื่องจาก มีความต้องการสูงและที่ดินเหลือน้อย ประกอบกับ เศรษฐกิจของจังหวัดสงขลา ยังถือว่าดี แม้จะเกิดระเบิดคาร์บอมบ์ที่อำเภอหาดใหญ่ก็ตาม ประเมินว่า นักลงทุนยังสนใจลงทุน รวมถึงบริษัทพัฒนาที่ดินจากกรุงเทพฯ"
-ระยองบูมที่ปลวกแดง
สอดคล้องกับ นายวิรัตน์ ศิริสกุลงาม ประธานหอการค้า จังหวัดระยอง กล่าวว่า การลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ของจังหวัดระยอง พบว่า ทำเลยอดนิยมคือที่อำเภอปลวกแดง มีโครงการจัดสรรเกิดขึ้นมาก รวมถึงอำเภอนิคมพัฒนา ที่เริ่มมีผู้ประกอบการเข้าไปลงทุน ซึ่งเป็นการพัฒนาในทำเลรอบๆ โรงงานอุตสาหกรรมและนิคมอุตสาหกรรมภายในจังหวัด ขณะเดียวกันหลังเกิดน้ำท่วมใหญ่ ปลายปี 2554 ที่ผ่านมา มีนักลงทุน ย้ายฐานการผลิตจากจังหวัดปทุมธานี และพระนครศรีอยุธยาเข้ามายังระยองมาก แต่จะเป็นเอสเอ็มอี รวมถึงนักลงทุนรายใหม่ ๆที่ต้องการหาทำเลลงทุนที่มั่นคงระยะยาว
ทำเลที่มาแรงเป็นที่สนใจของนักลงทุนอีกแห่งคือ อำเภอนิคมพัฒนา ในอนาคตอันใกล้ 2-3 ปีข้างหน้าจะมีการพัฒนามากขึ้น เนื่องจากนิคมอุตสาหกรรมจะมีการขยายตัว ส่วนบ้านจัดสรร ปัจจุบันยังเข้าไปลงทุน ไม่มากเมื่อเทียบกับอำเภอปลวกแดง โดยราคาที่ดินที่อำเภอนิคมพัฒนา ราคาเฉลี่ยไร่ละ 4 แสนบาท และจะขยับขึ้น 20% ต่อปี ส่วนที่ทำเลท่องเที่ยว จะทรงๆตัว โดยทำเลชายหาด อาทิ หาดแม่รำพึง แหลมแม่พิมพ์ ราคาเฉลี่ย 7-10 ล้านบาทต่อไร่
-สำรวจราคาที่ดินหัวเมืองรอง
จากการสำรวจราคาที่ดินเขตหัวเมืองรอง 5 จังหวัดพบว่า ที่อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง ย่านสะพานสี่ราคาที่ดินซื้อขายสูงสุด อยู่ที่ไร่ละ 10 ล้านบาท หรือราคาตารางวาละ 25,000 บาท ซึ่งไตรมาสแรกของปี 2555 ขยับเพิ่มสูงมาก ซึ่งสะท้อนจากราคาซื้อขายตึกแถว จากราคา 3 ล้านบาท ขยับเป็น 4 ล้านบาท และสร้างเท่าไรก็ขายได้หมด
บนถนนสายสำคัญของจังหวัดพิษณุโลก ราคาสูงสุด 50,000-80,000 บาทต่อตารางวา ซึ่งปี 2555-2558 ยืนราคาเดิม รวมถึง ถนนนเรศวร ก็ยืนราคาที่ 80,000 บาทต่อตารางวาเช่นเดียวกัน แต่ทำเลที่ราคาประเมินปรับขึ้นของ พิษณุโลก คือบริเวณทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 พิษณุโลก -เพชรบูรณ์จาก 2,000-20,000 บาทต่อตารางวาในปี 2551-2554 ขยับเป็น 4,000-20,000 บาทต่อตารางวา ในปี 2555-2558 ซึ่งขยับขึ้น 10% ส่วนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1086(พิษณุโลก-วัดโบสถ์) ปรับขึ้น 100% จากราคา 1,000-15,000 บาทต่อตารางวา เป็น 2,000-15,000 บาทต่อตารางวา ถนนสิงหวัฒน์ ขยับ 16.67 % ราคา 30,000-70,000 บาทต่อตารางวาเป็น 35,000-70,000 บาทต่อตารางวา
สุราษฎร์ธานี ถนนหน้าเมือง ราคาประเมินสูงสุดของ จังหวัด แต่ทรงตัวอยู่ที่ 150,000 บาทต่อตารางวา ถนนราษฎร์อุทิศ ขยับ 60% จาก 50,000 -80,000 บาทต่อตารางวา ถนนไตรอนุสรณ์ ขยับขึ้น 50% จาก 40,000 บาทต่อตารางวาเป็น 60,000 บาทต่อตารางวา ถนนมิตรเกษม ขยับ 50% จาก ราคา 40,000 บาทต่อตารางวาเป็น 60,000 บาทต่อตารางวา
อุดรธานี ราคาประเมิน ขยับสูงสุดที่ถนนโพนพิสัย 66.67% จาก 12,000-50,000 บาทต่อตารางวา เป็น 20,000-50,000 บาทต่อตางวา ถนนหลังสถานีรถไฟ หรือถนนทองใหม่ ขยับขึ้น 316.67% จาก 12,000 บาทต่อตารางวาเป็น 50,000 บาทต่อตารางวา
ที่มา: หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,729 วันที่ 8-11 เมษายน พ.ศ. 2555