บิ๊กอสังหาฯ ลุยตลาดคอนโดฯ ปี 55 คาดเปิดใหม่ 50,000 หน่วย เหตุโครงการเลื่อนเปิดจากปีที่ผ่านมา และมีผู้ประกอบการหน้าใหม่ ด้านพฤกษา รักษาตลาดคอนโดฯเท่าปีที่ผ่านมา
เชื่อระดับราคา 1-2 ล้านอนาคตสดใส ส่วนแอเรีย ประเมินคอนโดฯ ครองส่วนแบ่งตลาด 60% ขณะที่ดีเวลอปเปอร์รายใหญ่ "ศุภาลัย-คิวเฮ้าส์-แอล.พี.เอ็น." ยังเปิดโปรเจ็กต์ต่อเนื่อง
นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยกับ"ฐานเศรษฐกิจ" ถึงแนวโน้มการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในปี 2555 ว่า ในเบื้องต้นคาดว่าจะมีผู้ประกอบการพัฒนาโครงการเพิ่มจากปีที่ผ่านมาประมาณ 18-19% หรือมีจำนวนหน่วยเปิดใหม่ประมาณ 50,000 หน่วย จากปีที่ผ่านมาที่มีประมาณ 43,000 หน่วย ทั้งนี้ เป็นผลจากผู้ประกอบการที่ชะลอการเปิดตัวโครงการจากช่วงน้ำท่วมช่วงปลายปีที่ผ่านมา และมาเปิดโครงการในปีนี้แทน นอกจากนี้ ยังมีผู้ประกอบการที่เดิมพัฒนาแต่โครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ ที่หันมาเพิ่มโครงการคอนโดฯ ด้วยเช่นกัน
"ตอนนี้อาจจะเร็วเกินไปที่จะคาดการณ์ว่าตลาดคอนโดฯ ปีนี้จะมีทิศทางเป็นอย่างไร แต่เบื้องต้นก็คาดว่าจะมีจำนวนเพิ่มกว่าปีที่ผ่านมา เพราะช่วงปีที่ผ่านมาตลาดคอนโดฯ มีการชะลอตัวลงจากช่วงปี 2553 มีการเปิดตัวมากถึง 66,000 หน่วย และช่วงปลายปี 2554 ก็มีปัญหาน้ำท่วมทำให้ผู้ประกอบการต้องหันไปป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วม จึงไม่ได้เปิดตัวโครงการใหม่ออกมา ปีนี้จึงคาดว่าจะมีโครงการเปิดใหม่เยอะขึ้น ทั้งในกรุงเทพฯ และในต่างจังหวัดที่ตอนนี้มีผู้ประกอบการหลายรายหันไปพัฒนาโครงการเพิ่มมากขึ้นแล้ว ทั้งจ.ภูเก็ต ชลบุรี หาดใหญ่ ส่วนดีมานด์ก็คงจะยังประเมินยาก เพราะตอนนี้อารมณ์คนยังไม่มี ต้องไปฟื้นฟูและซ่อมแซมบ้านที่โดนน้ำท่วม คาดว่าจะชัดเจนได้ก็คงกลางปีไปแล้ว" นายสัมมา กล่าวและว่า
สำหรับสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2555 นั้น มีทั้งปัจจัยเกื้อหนุนและปัจจัยที่เป็นอุปสรรค อีกทั้งอาจมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในหมู่ผู้บริโภคบางส่วนที่ผ่านประสบการณ์อุทกภัยใหญ่ในปีนี้มา โดยที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดฯ จะเป็นตัวเลือกใหม่ของผู้บริโภคที่ยังมีความหวั่นไหวต่อภัยน้ำท่วม โครงการคอนโดฯ ตามแนวรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแถบปริมณฑลที่ไม่ห่างไกลจากเมืองมากนัก ในบริเวณที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมน้อย และอยู่ใกล้เคียงสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ เช่น ห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ โรงพยาบาล ถนนสายหลัก อาจจะได้รับความนิยมมากขึ้นเมื่อเทียบกับโครงการแนวราบในบริเวณใกล้เคียง
นายสัมมา กล่าวอีกว่า ผู้บริโภคจะพิถีพิถันในการเลือกโครงการมากขึ้นและใช้เวลาพิจารณายาวนานขึ้นในการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยใหม่ในอนาคต โดยเฉพาะด้านทำเลที่อยู่อาศัย โดยจะให้ความสำคัญกับระดับความสูงของพื้นที่โครงการและระดับความสูงของเส้นทางสัญจรรอบด้าน ให้สามารถเดินทางออกสู่ถนนใหญ่สายหลักได้ หรือสามารถเชื่อมต่อรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนเพื่อเดินทางสัญจรได้ ผู้บริโภคส่วนหนึ่งที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยแต่ไม่สามารถซื้อบ้านเดี่ยวได้เพราะมีงบประมาณจำกัด หรือความสามารถในการหารายได้ลดลง อาจพิจารณาซื้อห้องชุดคอนโดมิเนียมแทนการซื้อทาวน์เฮาส์ หากไม่มั่นใจว่าโครงการแนวราบในทำเลที่ต้องการจะอยู่ในพื้นที่ที่ปลอดภัยจากภาวะน้ำท่วม อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคส่วนหนึ่งซึ่งไม่มีรายได้เพียงพออาจจำเป็นต้องซ่อมแซมที่อยู่อาศัยเดิมไปก่อน
"ผู้ประกอบการซึ่งมีแปลงที่ดินในบริเวณดังกล่าวอาจกระจายความเสี่ยง โดยเปิดโครงการคอนโดฯ แทนแนวราบในสัดส่วนที่มากขึ้น หรือดำเนินโครงการในพื้นที่อื่นๆ ซึ่งไม่กระจุกตัว หรือกระจายโครงการออกไปสู่ต่างจังหวัด ผู้ประกอบการซึ่งไม่มีที่ดินเปล่าหรือแปลงที่ดินในความครอบครองในพื้นที่น้ำท่วมหนักอยู่ก่อนแล้ว มีโอกาสน้อยลงที่จะเปิดโครงการจัดสรรใหม่ในพื้นที่ดังกล่าว เพราะจะมีหน่วยที่ผู้บริโภคประกาศขายเป็นที่อยู่อาศัยมือสองเพิ่มขึ้น แต่สำหรับผู้ประกอบการที่มีที่ดินหรือแปลงที่ดินในความครอบครองอยู่ก่อนแล้ว จะต้องพิจารณาปรับปรุงคุณภาพของแปลงที่ดินให้ดีขึ้น เช่น การถมแปลงที่ดินให้สูงขึ้น การเสริมความมั่นคงแข็งแรงของแปลงที่ดิน การจัดเตรียมระบบระบายน้ำภายในและบริเวณรอบแปลงที่ดิน ก่อนที่ผู้ประกอบการจะเปิดโครงการใหม่บนแปลงที่ดินนั้น" นายสัมมา กล่าว
ด้านนายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดคอนโดฯ ในปีนี้อาจจะมีการเปิดตัวใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา จากการที่ผู้ประกอบการชะลอการเปิดตัวในช่วงปลายปีที่ผ่านมาและเลื่อนกำหนดมาเปิดตัวในปีนี้แทน ซึ่งตลาดที่เติบโตได้ดีจะเป็นกลุ่มคอนโดฯ ระดับราคา 1-2 ล้านบาท เนื่องจากเป็นตลาดที่มีความต้องการสูง ในส่วนของบริษัทก็มีโครงการคอนโดฯ ที่เลื่อนเปิดตัวจากปีที่ผ่านมาและเปิดตัวในปีนี้ด้วย และมีโครงการใหม่ที่จะเปิดตัวในปีนี้ด้วยเช่นกัน คาดว่าจะมีโครงการคอนโดฯ ที่เปิดตัวในปี 2555 ประมาณ 4-5 โครงการ ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา
นายอิสระ บุญยัง นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า จากปัญหาน้ำท่วมที่ผ่านมาส่งผลให้ผู้ประกอบการในพื้นที่น้ำท่วม ประมาณ 10 บริษัทที่เดิมพัฒนาแต่โครงการในแนวราบประเภทบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ มีแผนที่จะพัฒนาโครงการคอนโดฯ เพิ่มขึ้น เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงและเพิ่มรายได้ให้กับบริษัท แม้ว่าบริษัทต่างๆ เหล่านั้นจะไม่มีประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการคอนโดฯ มาก่อนก็ตาม
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บริษัท เอเจนซี ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด หรือ AREA กล่าวว่า ทิศทางอสังหาริมทรัพย์ปี 2555 ว่าอสังหาฯไทยยังต้องเผชิญกับปัจจัยลบ เช่น สถานการณ์เศรษฐกิจโลก ซึ่งเกิดจากปัญหาหนี้สาธารณะยุโรป การฟื้นตัวของสหรัฐอเมริกา ภาคการส่งออกของไทย รวมไปถึงผลของอุทกภัยในปี 2554 ที่ทำให้การผลิตสินค้าชะงักงัน เป็นต้น ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยโดยรวมที่อาจชะลอตัว แต่เป็นช่วงสั้นๆ
"ภาพรวมตลาดอสังหาฯในปีนี้ เชื่อว่ายังคงเติบโตใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา จากการที่คาดการณ์ไว้ว่าในปีนี้ จะมีจำนวนหน่วยที่อยู่อาศัยเปิดใหม่ประมาณ 1 แสนหน่วย แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์อุทกภัยทำให้โครงการเปิดใหม่ในปีที่ผ่านมาเหลือเพียง 80,000 หน่วย จากเดิมคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1.1แสนหน่วย ซึ่งถือเป็นการลดความร้อนแรงของภาคอสังหาฯ ลง อย่างไรก็ดี ในปีนี้ ตลาดแนวสูงโดยเฉพาะอาคารชุดทำเลใจกลางเมืองยังคงได้รับความสนใจ คาดว่าจะมีสัดส่วนในตลาดประมาณ 60% ขณะที่อาคารแนวราบมีสัดส่วน 40% ส่วนราคาขายอาจสูงขึ้นบ้างบางทำเล เนื่อง จากราคาที่ดินมีการปรับราคา เช่น สุขุมวิท เพลินจิต ยานนาวา เป็นต้น"ดร.โสภณ กล่าว
อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ของผู้ประกอบการหลายราย พบว่ายังคงให้ความสำคัญกับตลาดคอนโดฯ อาทิ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ที่คาดหวังว่าจะทำยอดขายจากโครงการคอนโดฯ ในสัดส่วน 60% ของยอดขายรวมทั้งปีมูลค่า 18,000 ล้านบาท โดยมีแผนการเปิดตัวโครงการรวม 5 แห่งทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) มีแผนเปิดโครงการคอนโดฯ 5 โครงการ รวมมูลค่า 5,850 ล้านบาท บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เตรียมเปิด 10 โครงการมูลค่าประมาณ 15,000 ล้านบาท
ที่มา : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ วันที่ 8-11 มกราคม พ.ศ. 2555
เชื่อระดับราคา 1-2 ล้านอนาคตสดใส ส่วนแอเรีย ประเมินคอนโดฯ ครองส่วนแบ่งตลาด 60% ขณะที่ดีเวลอปเปอร์รายใหญ่ "ศุภาลัย-คิวเฮ้าส์-แอล.พี.เอ็น." ยังเปิดโปรเจ็กต์ต่อเนื่อง
นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยกับ"ฐานเศรษฐกิจ" ถึงแนวโน้มการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในปี 2555 ว่า ในเบื้องต้นคาดว่าจะมีผู้ประกอบการพัฒนาโครงการเพิ่มจากปีที่ผ่านมาประมาณ 18-19% หรือมีจำนวนหน่วยเปิดใหม่ประมาณ 50,000 หน่วย จากปีที่ผ่านมาที่มีประมาณ 43,000 หน่วย ทั้งนี้ เป็นผลจากผู้ประกอบการที่ชะลอการเปิดตัวโครงการจากช่วงน้ำท่วมช่วงปลายปีที่ผ่านมา และมาเปิดโครงการในปีนี้แทน นอกจากนี้ ยังมีผู้ประกอบการที่เดิมพัฒนาแต่โครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ ที่หันมาเพิ่มโครงการคอนโดฯ ด้วยเช่นกัน
"ตอนนี้อาจจะเร็วเกินไปที่จะคาดการณ์ว่าตลาดคอนโดฯ ปีนี้จะมีทิศทางเป็นอย่างไร แต่เบื้องต้นก็คาดว่าจะมีจำนวนเพิ่มกว่าปีที่ผ่านมา เพราะช่วงปีที่ผ่านมาตลาดคอนโดฯ มีการชะลอตัวลงจากช่วงปี 2553 มีการเปิดตัวมากถึง 66,000 หน่วย และช่วงปลายปี 2554 ก็มีปัญหาน้ำท่วมทำให้ผู้ประกอบการต้องหันไปป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วม จึงไม่ได้เปิดตัวโครงการใหม่ออกมา ปีนี้จึงคาดว่าจะมีโครงการเปิดใหม่เยอะขึ้น ทั้งในกรุงเทพฯ และในต่างจังหวัดที่ตอนนี้มีผู้ประกอบการหลายรายหันไปพัฒนาโครงการเพิ่มมากขึ้นแล้ว ทั้งจ.ภูเก็ต ชลบุรี หาดใหญ่ ส่วนดีมานด์ก็คงจะยังประเมินยาก เพราะตอนนี้อารมณ์คนยังไม่มี ต้องไปฟื้นฟูและซ่อมแซมบ้านที่โดนน้ำท่วม คาดว่าจะชัดเจนได้ก็คงกลางปีไปแล้ว" นายสัมมา กล่าวและว่า
สำหรับสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2555 นั้น มีทั้งปัจจัยเกื้อหนุนและปัจจัยที่เป็นอุปสรรค อีกทั้งอาจมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในหมู่ผู้บริโภคบางส่วนที่ผ่านประสบการณ์อุทกภัยใหญ่ในปีนี้มา โดยที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดฯ จะเป็นตัวเลือกใหม่ของผู้บริโภคที่ยังมีความหวั่นไหวต่อภัยน้ำท่วม โครงการคอนโดฯ ตามแนวรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแถบปริมณฑลที่ไม่ห่างไกลจากเมืองมากนัก ในบริเวณที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมน้อย และอยู่ใกล้เคียงสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ เช่น ห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ โรงพยาบาล ถนนสายหลัก อาจจะได้รับความนิยมมากขึ้นเมื่อเทียบกับโครงการแนวราบในบริเวณใกล้เคียง
นายสัมมา กล่าวอีกว่า ผู้บริโภคจะพิถีพิถันในการเลือกโครงการมากขึ้นและใช้เวลาพิจารณายาวนานขึ้นในการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยใหม่ในอนาคต โดยเฉพาะด้านทำเลที่อยู่อาศัย โดยจะให้ความสำคัญกับระดับความสูงของพื้นที่โครงการและระดับความสูงของเส้นทางสัญจรรอบด้าน ให้สามารถเดินทางออกสู่ถนนใหญ่สายหลักได้ หรือสามารถเชื่อมต่อรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนเพื่อเดินทางสัญจรได้ ผู้บริโภคส่วนหนึ่งที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยแต่ไม่สามารถซื้อบ้านเดี่ยวได้เพราะมีงบประมาณจำกัด หรือความสามารถในการหารายได้ลดลง อาจพิจารณาซื้อห้องชุดคอนโดมิเนียมแทนการซื้อทาวน์เฮาส์ หากไม่มั่นใจว่าโครงการแนวราบในทำเลที่ต้องการจะอยู่ในพื้นที่ที่ปลอดภัยจากภาวะน้ำท่วม อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคส่วนหนึ่งซึ่งไม่มีรายได้เพียงพออาจจำเป็นต้องซ่อมแซมที่อยู่อาศัยเดิมไปก่อน
"ผู้ประกอบการซึ่งมีแปลงที่ดินในบริเวณดังกล่าวอาจกระจายความเสี่ยง โดยเปิดโครงการคอนโดฯ แทนแนวราบในสัดส่วนที่มากขึ้น หรือดำเนินโครงการในพื้นที่อื่นๆ ซึ่งไม่กระจุกตัว หรือกระจายโครงการออกไปสู่ต่างจังหวัด ผู้ประกอบการซึ่งไม่มีที่ดินเปล่าหรือแปลงที่ดินในความครอบครองในพื้นที่น้ำท่วมหนักอยู่ก่อนแล้ว มีโอกาสน้อยลงที่จะเปิดโครงการจัดสรรใหม่ในพื้นที่ดังกล่าว เพราะจะมีหน่วยที่ผู้บริโภคประกาศขายเป็นที่อยู่อาศัยมือสองเพิ่มขึ้น แต่สำหรับผู้ประกอบการที่มีที่ดินหรือแปลงที่ดินในความครอบครองอยู่ก่อนแล้ว จะต้องพิจารณาปรับปรุงคุณภาพของแปลงที่ดินให้ดีขึ้น เช่น การถมแปลงที่ดินให้สูงขึ้น การเสริมความมั่นคงแข็งแรงของแปลงที่ดิน การจัดเตรียมระบบระบายน้ำภายในและบริเวณรอบแปลงที่ดิน ก่อนที่ผู้ประกอบการจะเปิดโครงการใหม่บนแปลงที่ดินนั้น" นายสัมมา กล่าว
ด้านนายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดคอนโดฯ ในปีนี้อาจจะมีการเปิดตัวใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา จากการที่ผู้ประกอบการชะลอการเปิดตัวในช่วงปลายปีที่ผ่านมาและเลื่อนกำหนดมาเปิดตัวในปีนี้แทน ซึ่งตลาดที่เติบโตได้ดีจะเป็นกลุ่มคอนโดฯ ระดับราคา 1-2 ล้านบาท เนื่องจากเป็นตลาดที่มีความต้องการสูง ในส่วนของบริษัทก็มีโครงการคอนโดฯ ที่เลื่อนเปิดตัวจากปีที่ผ่านมาและเปิดตัวในปีนี้ด้วย และมีโครงการใหม่ที่จะเปิดตัวในปีนี้ด้วยเช่นกัน คาดว่าจะมีโครงการคอนโดฯ ที่เปิดตัวในปี 2555 ประมาณ 4-5 โครงการ ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา
นายอิสระ บุญยัง นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า จากปัญหาน้ำท่วมที่ผ่านมาส่งผลให้ผู้ประกอบการในพื้นที่น้ำท่วม ประมาณ 10 บริษัทที่เดิมพัฒนาแต่โครงการในแนวราบประเภทบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ มีแผนที่จะพัฒนาโครงการคอนโดฯ เพิ่มขึ้น เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงและเพิ่มรายได้ให้กับบริษัท แม้ว่าบริษัทต่างๆ เหล่านั้นจะไม่มีประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการคอนโดฯ มาก่อนก็ตาม
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บริษัท เอเจนซี ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด หรือ AREA กล่าวว่า ทิศทางอสังหาริมทรัพย์ปี 2555 ว่าอสังหาฯไทยยังต้องเผชิญกับปัจจัยลบ เช่น สถานการณ์เศรษฐกิจโลก ซึ่งเกิดจากปัญหาหนี้สาธารณะยุโรป การฟื้นตัวของสหรัฐอเมริกา ภาคการส่งออกของไทย รวมไปถึงผลของอุทกภัยในปี 2554 ที่ทำให้การผลิตสินค้าชะงักงัน เป็นต้น ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยโดยรวมที่อาจชะลอตัว แต่เป็นช่วงสั้นๆ
"ภาพรวมตลาดอสังหาฯในปีนี้ เชื่อว่ายังคงเติบโตใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา จากการที่คาดการณ์ไว้ว่าในปีนี้ จะมีจำนวนหน่วยที่อยู่อาศัยเปิดใหม่ประมาณ 1 แสนหน่วย แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์อุทกภัยทำให้โครงการเปิดใหม่ในปีที่ผ่านมาเหลือเพียง 80,000 หน่วย จากเดิมคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1.1แสนหน่วย ซึ่งถือเป็นการลดความร้อนแรงของภาคอสังหาฯ ลง อย่างไรก็ดี ในปีนี้ ตลาดแนวสูงโดยเฉพาะอาคารชุดทำเลใจกลางเมืองยังคงได้รับความสนใจ คาดว่าจะมีสัดส่วนในตลาดประมาณ 60% ขณะที่อาคารแนวราบมีสัดส่วน 40% ส่วนราคาขายอาจสูงขึ้นบ้างบางทำเล เนื่อง จากราคาที่ดินมีการปรับราคา เช่น สุขุมวิท เพลินจิต ยานนาวา เป็นต้น"ดร.โสภณ กล่าว
อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ของผู้ประกอบการหลายราย พบว่ายังคงให้ความสำคัญกับตลาดคอนโดฯ อาทิ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ที่คาดหวังว่าจะทำยอดขายจากโครงการคอนโดฯ ในสัดส่วน 60% ของยอดขายรวมทั้งปีมูลค่า 18,000 ล้านบาท โดยมีแผนการเปิดตัวโครงการรวม 5 แห่งทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) มีแผนเปิดโครงการคอนโดฯ 5 โครงการ รวมมูลค่า 5,850 ล้านบาท บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เตรียมเปิด 10 โครงการมูลค่าประมาณ 15,000 ล้านบาท
ที่มา : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ วันที่ 8-11 มกราคม พ.ศ. 2555