พลัส พร็อพเพอร์ตี้ เผยบทวิเคราะห์ภาพรวมตลาดอสังหาฯปี 55 เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติหลังความตื่นตระหนกอุทกภัยช็อกตลาดไปชั่วขณะ ระบุคอนโดฯคึกคัก คนแห่ซื้อหวังรองรับหากเกิดภัยซ้ำสอง ชี้ระดับราคาต่ำกว่า 2.5 ล้านบาทความต้องการซื้อเติบโตมากขึ้น ขณะที่ยูนิตเสนอขายส่วนต่อขยาย BTS-MRT เพิ่มขึ้นเฉลี่ยกว่า 40%
นายอนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัดเปิดเผยเกี่ยวกับมุมมองภาพรวมของธุรกิจ ซื้อ-ขาย-เช่า อสังหาริมทรัพย์เมืองไทยในปี 2555 ว่า ตลาดโดยรวมยังมีแนวโน้มเติบโตแต่ยังมีกระแสความวิตกกังวล ในเรื่องอุทกภัยเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นภาครัฐจึงต้องชัดเจนในแผนการบริหารจัดการน้ำ ตลอดจนนำเสนอแผนการพัฒนาเศรษฐกิจที่ต้องจูงใจกลุ่มนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ก็จะเป็นแรงหนุนในธุรกิจโดยรวมเติบโตเช่นกัน
จากการสำรวจล่าสุด พบว่า ตลาดเพื่อเช่าคาดว่าจะเติบโตได้ต่อเนื่อง อุปทานโดยรวมคาดว่าจะเพิ่มขึ้น อย่างน้อย 3%จากปีที่ผ่านมา ส่วนอัตราการเข้าพักคาดว่ายังทรงตัวได้ดี ด้านราคาค่าเช่าคาดว่าจะขยับขึ้น โดยเฉลี่ยรวม 3-7% ส่วนปีนี้ตลาดคอนโดมิเนียมคาดว่าจะเป็นที่สนใจของอุปสงค์มากขึ้นด้วยปัญหาอุทกภัย ทำให้ผู้บริโภคเกิดความหวั่นวิตกต่อการดำเนินชีวิต อาจมีส่วนผลักดันให้อุปสงค์ดูดซับได้ดีขึ้นอย่างน้อย 4% ด้านผู้ประกอบการคาดว่าจะเริ่มทยอยเสนอขายโครงการใหม่ในช่วงครึ่งแรกของปี2555 มากขึ้นหลังจากรอดูสถานการณ์เมื่อปีที่ผ่านมา ยูนิตเสนอขายใหม่มีโอกาสเติบโตมากกว่า 50% เมื่อเทียบจากครึ่งปีหลัง 2554 โดยยังเน้นกลุ่มลูกค้าระดับล่างถึงกลางเป็นหลัก ห้องชุดราคาต่ำกว่า70,000 บาทต่อตารางเมตร(ตร.ม.) ยังมีส่วนแบ่งทางการตลาดสูงสุดอย่างน้อย60% ของทั้งตลาด และอุปสงค์ยังตอบรับได้ดี
สำหรับตลาดแนวราบปีนี้ คาดว่าอุปทานยังทรงตัว เพราะผลกระทบจากอุทกภัย อย่างไรก็ตามผู้บริโภคที่มีความต้องการบ้านและทาวน์เฮาส์คาดว่ายังผลักดัน ให้เกิดอุปสงค์ในตลาดให้เติบโตได้อย่างน้อย 3-4% ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายภาครัฐที่เข้ามาช่วยสนับสนุนกำลังซื้อของผู้บริโภคด้วย
เมื่อวิเคราะห์ถึงภาพรวมตลาดคอนโดฯโดยรวมในปี 55 พบว่า กลุ่มราคาคอนโดฯที่เติบโตได้ดียังเป็นกลุ่มราคาต่ำกว่า 70,000 บาทต่อตร.ม.หรือราคาต่ำกว่า 2.5 ล้านบาท เพราะเป็นราคาที่ผู้บริโภคมีกำลังซื้อส่วนแบ่งทางการตลาดในกลุ่มนี้มีการเติบโตเพิ่มขึ้นมาโดยตลอดเพราะแต่ละโครงการ มีจำนวนยูนิตเสนอขายสูง ส่วนแบ่งการตลาดของยูนิตเสนอขายในแต่ละรอบการสำรวจไม่ต่ำกว่า 60% ของยอดเสนอขายทั้งหมดผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่และเล็กต่างเพิ่มการลงทุนในโครงการระดับนี้มากขึ้นส่วนแบ่งการเสนอขายของผู้ประกอบการรายใหญ่และเล็กอยู่ที่ 55:45 และมีแนวโน้มที่อุปสงค์จะเติบโตได้ดีขึ้น เพราะต้องการลดความเสี่ยงในการซื้ออสังหาฯแนวราบที่อาจประสบภัยน้ำท่วมได้
"สินทรัพย์ที่น่าจับตามองในปี 55 ยังเป็นตลาดคอนโดฯ เพราะเหมาะกับการเป็นที่พักอาศัยและเพื่อการลงทุน โดยเฉพาะสถานการณ์จากอุทกภัยมีส่วนทำให้ผู้บริโภคแสวงหาที่อยู่อาศัยที่ปลอดภัย ส่วนการซื้อเพื่อลงทุนแม้จะลดลงไปในปีที่ผ่านมาบ้าง แต่คาดว่าจะกลับมาเติบโตอีกครั้ง เนื่องจากทำเลที่ดีเริ่มหายากขึ้น โครงการที่เหมาะสมต่อการพักอาศัยจะเหลือน้อยลง ดังนั้น ตลาดคอนโดฯใหม่ที่อยู่ในทำเลที่ดีอาจได้รับอานิสงส์ให้ขายไวกว่ากำหนด และตลาดมือสองจะขายได้ดี ในราคาที่สูงขึ้น" นายอนุกูล กล่าว
ด้านการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนที่เกิดขึ้นใหม่และมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นมีส่วนทำให้เกิด การพัฒนาโครงการตามแนวก่อสร้างมากยิ่งขึ้น เช่น นนทบุรีบางซื่อ สุขุมวิทรอบนอก ธนบุรี ฯลฯ มากขึ้น แต่สัดส่วนการพัฒนาโครงการที่ใกล้บริเวณ BTS MRT ในระยะไม่เกิน 550 เมตร มีเพียง 20% จากยอดรวมการเสนอขายทั้งหมดในพื้นที่นั้นๆ และมีสัดส่วนการเติบโตของยูนิตเสนอขายในพื้นที่ใกล้แนวรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นกว่า 40% จากครึ่งปีแรก 2554
ที่มา: หนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการรายวัน
นายอนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัดเปิดเผยเกี่ยวกับมุมมองภาพรวมของธุรกิจ ซื้อ-ขาย-เช่า อสังหาริมทรัพย์เมืองไทยในปี 2555 ว่า ตลาดโดยรวมยังมีแนวโน้มเติบโตแต่ยังมีกระแสความวิตกกังวล ในเรื่องอุทกภัยเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นภาครัฐจึงต้องชัดเจนในแผนการบริหารจัดการน้ำ ตลอดจนนำเสนอแผนการพัฒนาเศรษฐกิจที่ต้องจูงใจกลุ่มนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ก็จะเป็นแรงหนุนในธุรกิจโดยรวมเติบโตเช่นกัน
จากการสำรวจล่าสุด พบว่า ตลาดเพื่อเช่าคาดว่าจะเติบโตได้ต่อเนื่อง อุปทานโดยรวมคาดว่าจะเพิ่มขึ้น อย่างน้อย 3%จากปีที่ผ่านมา ส่วนอัตราการเข้าพักคาดว่ายังทรงตัวได้ดี ด้านราคาค่าเช่าคาดว่าจะขยับขึ้น โดยเฉลี่ยรวม 3-7% ส่วนปีนี้ตลาดคอนโดมิเนียมคาดว่าจะเป็นที่สนใจของอุปสงค์มากขึ้นด้วยปัญหาอุทกภัย ทำให้ผู้บริโภคเกิดความหวั่นวิตกต่อการดำเนินชีวิต อาจมีส่วนผลักดันให้อุปสงค์ดูดซับได้ดีขึ้นอย่างน้อย 4% ด้านผู้ประกอบการคาดว่าจะเริ่มทยอยเสนอขายโครงการใหม่ในช่วงครึ่งแรกของปี2555 มากขึ้นหลังจากรอดูสถานการณ์เมื่อปีที่ผ่านมา ยูนิตเสนอขายใหม่มีโอกาสเติบโตมากกว่า 50% เมื่อเทียบจากครึ่งปีหลัง 2554 โดยยังเน้นกลุ่มลูกค้าระดับล่างถึงกลางเป็นหลัก ห้องชุดราคาต่ำกว่า70,000 บาทต่อตารางเมตร(ตร.ม.) ยังมีส่วนแบ่งทางการตลาดสูงสุดอย่างน้อย60% ของทั้งตลาด และอุปสงค์ยังตอบรับได้ดี
สำหรับตลาดแนวราบปีนี้ คาดว่าอุปทานยังทรงตัว เพราะผลกระทบจากอุทกภัย อย่างไรก็ตามผู้บริโภคที่มีความต้องการบ้านและทาวน์เฮาส์คาดว่ายังผลักดัน ให้เกิดอุปสงค์ในตลาดให้เติบโตได้อย่างน้อย 3-4% ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายภาครัฐที่เข้ามาช่วยสนับสนุนกำลังซื้อของผู้บริโภคด้วย
เมื่อวิเคราะห์ถึงภาพรวมตลาดคอนโดฯโดยรวมในปี 55 พบว่า กลุ่มราคาคอนโดฯที่เติบโตได้ดียังเป็นกลุ่มราคาต่ำกว่า 70,000 บาทต่อตร.ม.หรือราคาต่ำกว่า 2.5 ล้านบาท เพราะเป็นราคาที่ผู้บริโภคมีกำลังซื้อส่วนแบ่งทางการตลาดในกลุ่มนี้มีการเติบโตเพิ่มขึ้นมาโดยตลอดเพราะแต่ละโครงการ มีจำนวนยูนิตเสนอขายสูง ส่วนแบ่งการตลาดของยูนิตเสนอขายในแต่ละรอบการสำรวจไม่ต่ำกว่า 60% ของยอดเสนอขายทั้งหมดผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่และเล็กต่างเพิ่มการลงทุนในโครงการระดับนี้มากขึ้นส่วนแบ่งการเสนอขายของผู้ประกอบการรายใหญ่และเล็กอยู่ที่ 55:45 และมีแนวโน้มที่อุปสงค์จะเติบโตได้ดีขึ้น เพราะต้องการลดความเสี่ยงในการซื้ออสังหาฯแนวราบที่อาจประสบภัยน้ำท่วมได้
"สินทรัพย์ที่น่าจับตามองในปี 55 ยังเป็นตลาดคอนโดฯ เพราะเหมาะกับการเป็นที่พักอาศัยและเพื่อการลงทุน โดยเฉพาะสถานการณ์จากอุทกภัยมีส่วนทำให้ผู้บริโภคแสวงหาที่อยู่อาศัยที่ปลอดภัย ส่วนการซื้อเพื่อลงทุนแม้จะลดลงไปในปีที่ผ่านมาบ้าง แต่คาดว่าจะกลับมาเติบโตอีกครั้ง เนื่องจากทำเลที่ดีเริ่มหายากขึ้น โครงการที่เหมาะสมต่อการพักอาศัยจะเหลือน้อยลง ดังนั้น ตลาดคอนโดฯใหม่ที่อยู่ในทำเลที่ดีอาจได้รับอานิสงส์ให้ขายไวกว่ากำหนด และตลาดมือสองจะขายได้ดี ในราคาที่สูงขึ้น" นายอนุกูล กล่าว
ด้านการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนที่เกิดขึ้นใหม่และมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นมีส่วนทำให้เกิด การพัฒนาโครงการตามแนวก่อสร้างมากยิ่งขึ้น เช่น นนทบุรีบางซื่อ สุขุมวิทรอบนอก ธนบุรี ฯลฯ มากขึ้น แต่สัดส่วนการพัฒนาโครงการที่ใกล้บริเวณ BTS MRT ในระยะไม่เกิน 550 เมตร มีเพียง 20% จากยอดรวมการเสนอขายทั้งหมดในพื้นที่นั้นๆ และมีสัดส่วนการเติบโตของยูนิตเสนอขายในพื้นที่ใกล้แนวรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นกว่า 40% จากครึ่งปีแรก 2554
ที่มา: หนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการรายวัน