กรมธนารักษ์ปัดฝุ่นอีกเฮือก เมกะโปรเจ็กต์พัฒนาที่ดินกลางเมือง "หมอชิตเก่า" พื้นที่ 63 ไร่ หลังโปรเจ็กต์ล่าช้าร่วม 10 ปี ชงคลังเสนอ ครม.อนุมัติให้เดินหน้าตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ ตั้ง กรรมการมาตรา 13 กำหนดเงื่อนไขดึงเอกชนร่วมลงทุน 30 ปี เล็งรื้อใหม่ทั้งรูปแบบโครงการ คาดมูลค่าลงทุนรอบใหม่ทะลุ 2 หมื่นล้านบาท "บีทีเอส" แบะท่าสนใจลงทุน
นายนริศ ชัยสูตร อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ได้เสนอแผนการพัฒนาที่ดินบริเวณสถานีขนส่งหมอชิตเก่า เนื้อที่ 63 ไร่ ให้นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พิจารณาก่อนที่จะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติ เพื่อให้กรมเดินหน้าโครงการต่อไป หลังจากล่าช้ามาหลายปี โดยจะเสนอดำเนินการตามขั้นตอน พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 ต่อไป เนื่องจากโครงการมีมูลค่าเกิน 1,000 ล้านบาท คาดว่าจะมีการนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ได้ภายในเดือนมกราคมนี้
"เมื่อ ครม.อนุมัติในหลักการแล้ว จะตั้งคณะกรรมการมาตรา 13 ตามกฎหมายร่วมทุนฯ เพื่อกำหนดทีโออาร์การพัฒนาโครงการ เปิดประมูลและพิจารณาผลประโยชน์ตอบแทนที่เอกชนเสนอเข้ามา คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 ปี ถึงจะได้ข้อสรุปและบริษัทเอกชนที่จะมาเป็นผู้พัฒนาโครงการ"
นายนริศกล่าวต่อว่า สำหรับรูปแบบการพัฒนาจะคงคอนเซ็ปต์เดิม คือ เป็นลักษณะมิกซ์ยูสหรือผสมผสานกันในหลาย ๆ รูปแบบลักษณะ "คอมเพล็กซ์" หลัก ๆ จะเป็นอาคารเชิงพาณิชย์ เนื่องจากเป็นทำเลมีศักยภาพ ใกล้กับรถไฟฟ้าบีทีเอสและแหล่งงานอีกด้วย จะต้องมีการพัฒนาให้สอดคล้องกัน
แหล่งข่าวจากกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า จะต้องมาทบทวนโครงการใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพพื้นที่ปัจจุบัน ทั้งเรื่องรูปแบบการพัฒนาจะเน้นเชิงพาณิชย์เหมือนเดิม รวมถึงมูลค่าโครงการ อาจจะไม่ใช่กรอบวงเงินเดิม 18,000 ล้านบาทที่เคยศึกษาไว้หลายปีก่อน เพราะมูลค่าที่ดินและพื้นที่โดยรอบมีการพัฒนาไปมากแล้ว อาจจะเพิ่มขึ้นมากกว่านี้เกิน 20,000 ล้านบาทก็ได้ โดยจะใช้โมเดลของสำนักงานจัดการทรัพย์สิน จุฬาฯ เป็นต้นแบบในการพัฒนาและหาผลตอบแทนจากเอกชน คาดว่าจะให้เอกชนพัฒนาในกรอบระยะเวลา 30 ปี
ทั้งนี้ โครงการนี้เคยศึกษาไว้เมื่อปี 2538 ออกแบบการพัฒนาไว้เดิมในพื้นที่ 63 ไร่ พัฒนาเป็นรูปแบบคอมเพล็กซ์สูง 5 ชั้น โรงแรมขนาด 450 ห้อง ร้านค้าย่อย ศูนย์แสดงสินค้า พื้นที่ 47,114 ตารางเมตร สถานีขนส่ง สำนักงานให้เช่า ศูนย์การค้า ค้าปลีก-ค้าส่ง ศูนย์แสดงนิทรรศการ ศูนย์สินค้าโอท็อป สถานที่ราชการ โรงเรียนกวดวิชา เป็นต้น
"รูปแบบใหม่จะไม่มีสถานีขนส่ง เพราะเดิมที่ย้ายท่ารถ บขส.ไปที่ใหม่และจะให้ย้ายกลับมาที่เดิมหลังโครงการพัฒนาเสร็จ แต่ล่าช้ามาหลายปีทาง บขส.ไม่มีแผนจะย้ายกลับมาแล้ว ในส่วนของโรงแรมอาจจะต้องดูสภาพตลาดด้วยเช่นกัน สรุปทุกอย่างต้องรีวิวใหม่ทั้งหมดเลย"
นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทมีความสนใจที่จะพัฒนาที่ดินแปลงนี้เช่นกัน เนื่องจากเป็นที่ดินอยู่ติดกับดีโปและสำนักงานของบริษัทด้วย สามารถนำมาพัฒนาอะไรที่เกี่ยวเนื่องกันได้ แต่ต้องดูเงื่อนไขการพัฒนาจากกรมธนารักษ์ก่อนว่าจะเป็นลักษณะไหน
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
นายนริศ ชัยสูตร อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ได้เสนอแผนการพัฒนาที่ดินบริเวณสถานีขนส่งหมอชิตเก่า เนื้อที่ 63 ไร่ ให้นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พิจารณาก่อนที่จะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติ เพื่อให้กรมเดินหน้าโครงการต่อไป หลังจากล่าช้ามาหลายปี โดยจะเสนอดำเนินการตามขั้นตอน พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 ต่อไป เนื่องจากโครงการมีมูลค่าเกิน 1,000 ล้านบาท คาดว่าจะมีการนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ได้ภายในเดือนมกราคมนี้
"เมื่อ ครม.อนุมัติในหลักการแล้ว จะตั้งคณะกรรมการมาตรา 13 ตามกฎหมายร่วมทุนฯ เพื่อกำหนดทีโออาร์การพัฒนาโครงการ เปิดประมูลและพิจารณาผลประโยชน์ตอบแทนที่เอกชนเสนอเข้ามา คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 ปี ถึงจะได้ข้อสรุปและบริษัทเอกชนที่จะมาเป็นผู้พัฒนาโครงการ"
นายนริศกล่าวต่อว่า สำหรับรูปแบบการพัฒนาจะคงคอนเซ็ปต์เดิม คือ เป็นลักษณะมิกซ์ยูสหรือผสมผสานกันในหลาย ๆ รูปแบบลักษณะ "คอมเพล็กซ์" หลัก ๆ จะเป็นอาคารเชิงพาณิชย์ เนื่องจากเป็นทำเลมีศักยภาพ ใกล้กับรถไฟฟ้าบีทีเอสและแหล่งงานอีกด้วย จะต้องมีการพัฒนาให้สอดคล้องกัน
แหล่งข่าวจากกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า จะต้องมาทบทวนโครงการใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพพื้นที่ปัจจุบัน ทั้งเรื่องรูปแบบการพัฒนาจะเน้นเชิงพาณิชย์เหมือนเดิม รวมถึงมูลค่าโครงการ อาจจะไม่ใช่กรอบวงเงินเดิม 18,000 ล้านบาทที่เคยศึกษาไว้หลายปีก่อน เพราะมูลค่าที่ดินและพื้นที่โดยรอบมีการพัฒนาไปมากแล้ว อาจจะเพิ่มขึ้นมากกว่านี้เกิน 20,000 ล้านบาทก็ได้ โดยจะใช้โมเดลของสำนักงานจัดการทรัพย์สิน จุฬาฯ เป็นต้นแบบในการพัฒนาและหาผลตอบแทนจากเอกชน คาดว่าจะให้เอกชนพัฒนาในกรอบระยะเวลา 30 ปี
ทั้งนี้ โครงการนี้เคยศึกษาไว้เมื่อปี 2538 ออกแบบการพัฒนาไว้เดิมในพื้นที่ 63 ไร่ พัฒนาเป็นรูปแบบคอมเพล็กซ์สูง 5 ชั้น โรงแรมขนาด 450 ห้อง ร้านค้าย่อย ศูนย์แสดงสินค้า พื้นที่ 47,114 ตารางเมตร สถานีขนส่ง สำนักงานให้เช่า ศูนย์การค้า ค้าปลีก-ค้าส่ง ศูนย์แสดงนิทรรศการ ศูนย์สินค้าโอท็อป สถานที่ราชการ โรงเรียนกวดวิชา เป็นต้น
"รูปแบบใหม่จะไม่มีสถานีขนส่ง เพราะเดิมที่ย้ายท่ารถ บขส.ไปที่ใหม่และจะให้ย้ายกลับมาที่เดิมหลังโครงการพัฒนาเสร็จ แต่ล่าช้ามาหลายปีทาง บขส.ไม่มีแผนจะย้ายกลับมาแล้ว ในส่วนของโรงแรมอาจจะต้องดูสภาพตลาดด้วยเช่นกัน สรุปทุกอย่างต้องรีวิวใหม่ทั้งหมดเลย"
นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทมีความสนใจที่จะพัฒนาที่ดินแปลงนี้เช่นกัน เนื่องจากเป็นที่ดินอยู่ติดกับดีโปและสำนักงานของบริษัทด้วย สามารถนำมาพัฒนาอะไรที่เกี่ยวเนื่องกันได้ แต่ต้องดูเงื่อนไขการพัฒนาจากกรมธนารักษ์ก่อนว่าจะเป็นลักษณะไหน
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ