7 บิ๊กอสังหาฯ ระดมทุนเปิดโปรเจ็กต์ใหม่กว่า 1.22 แสนล้าน กว่า 150 โครงการ มั่นใจตลาดยังมีดีมานด์ "ทองมา" ไม่ห่วงตกอันดับเบอร์ 1 แม้แสนสิริ ตั้งเป้ากวาดยอดขายได้กว่า 32,000 ล้าน ขณะที่พฤกษา คาดทำได้ 29,000 ล้าน
ส่วนแอล.พี.เอ็น.-เสนาฯ-คิวเฮ้าส์-ศุภาลัย ลุยเปิดโปรเจ็กต์ทั้งในกทม.และบุกตลาดต่างจังหวัด ส่วนธารารมณ์ยังมั่นใจตลาดคอนโดฯ เปิดต่อโซนรถไฟฟ้า
"ฐานเศรษฐกิจ" ได้ทำการสำรวจตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงปี 2555 พบว่าผู้ประกอบการรายใหญ่ยังคงมีแผนการพัฒนาโครงการออกมาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าช่วงปลายปีที่ผ่านมา จะเกิดปัญหาน้ำท่วมใหญ่ ซึ่งผู้ประกอบการรายใหญ่ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯยังคงวางแผนการเปิดโครงการใหม่ โดยคาดว่าจะเปิดตัวมากในช่วงไตรมาส 2 เป็นต้นไป หลังจากกำลังซื้อเริ่มกลับมา โดยพบว่า 7 ผู้ประกอบการรายใหญ่ มีแผนการพัฒนาโครงการมากถึง 153-154 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 1.2-1.22 แสนล้านบาท กระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ ในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดด้วย
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงแผนการพัฒนาโครงการในปี 2555 ว่า คาดจะพัฒนาโครงการใหม่ 10 โครงการ รวมมูลค่า 15,000-16,000 ล้านบาท โดยบริษัทจะทำตลาดในทุกกลุ่มเป้าหมายที่เคยพัฒนามาก่อนหน้านี้ ซึ่งในแผนการลงทุนปีนี้จะมีการลงทุนในต่างจังหวัดด้วย 1-2 โครงการ ซึ่งจะมีจังหวัดแห่งใหม่ที่บริษัทยังไม่เคยเข้าไปพัฒนาด้วย จากก่อนหน้านี้ที่ได้พัฒนาโครงการในจ.ชลบุรี และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
ส่วนเป้าหมายการเติบโตในปีนี้ บริษัทคาดว่าจะทำยอดพรีเซลได้ 16,000 ล้านบาท เติบโตจากปีที่ผ่านมา 15% ซึ่งทำยอดพรีเซลได้ 14,200 ล้านบาท โดยช่วงปีที่ผ่านมายอดพรีเซลของบริษัทลดต่ำจากปีก่อนหน้าเล็กน้อยที่ทำได้ 15,000 ล้านบาท เป็นเพราะช่วงปี 2553 บริษัทมีการเปิดตัวโครงการระดับราคาเฉลี่ยที่สูงกว่าปีที่ผ่านมา แต่หากพิจารณาในด้านจำนวนหน่วยที่เปิดขายจะพบว่ามีจำนวนการขายมากกว่าปี 2553
นายโอภาส กล่าวอีกว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2555 ช่วงครึ่งปีแรกผู้ประกอบการจะมุ่งแก้ไขปัญหาน้ำท่วมเป็นหลัก ทำให้การเปิดตัวโครงการใหม่น่าจะลดลงหรือใกล้เคียงกับช่วงครึ่งปีแรกของปี 2554 และช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้การเปิดตัวใหม่คงจะกลับฟื้นมาเป็นปกติหรืออาจจะมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา เพื่อให้ภาพรวมทั้งปียังคงมีการเติบโตต่อไปได้ เนื่องจากผู้ประกอบการต้องรักษาเป้าหมายการเติบโต หากไม่มีสถานการณ์พลิกผันเชื่อว่าในปีนี้การเปิดตัวจะมากกว่าปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะกลุ่มคอนโดฯ น่าจะเปิดตัวมากกว่า 48,000 ยูนิต
นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทเตรียมเปิด 49 โครงการ รวมมูลค่า 34,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการทาวน์เฮาส์ 28 โครงการ บ้านเดี่ยว 15 โครงการ คอนโดมิเนียม 4 โครงการ และโครงการในต่างประเทศอีก 2 โครงการ ปัจจุบันมีที่ดินพร้อมการพัฒนาแล้ว 28 โครงการและตั้งงบซื้อที่ดินอีก 6,000 ล้านบาท สำหรับการพัฒนาโครงการอีก 21 โครงการ ส่วนงบประมาณการก่อสร้างคาดว่าจะใช้ประมาณ 18,000 ล้านบนาท ส่วนยอดจองในปีนี้คาดว่าทำได้ 29,000 ล้านบาท ยอดโอน 26,000 ล้านบาท
ส่วนในปีนี้มีบริษัทที่ตั้งเป้าหมายยอดโอนมากกว่าบริษัทและอาจจะเป็นเบอร์ 1 ในตลาดอสังหาฯ ก็ไม่เป็นอะไร เพราะบริษัทจะมุ่งการพัฒนาโครงการที่มีคุณภาพ โดยนำระบบการสร้างบ้านแบบ Real Estate Manufacturing (REM) มาใช้กับโครงการปัจจุบันมี 141 โครงการ เพื่อลดการร้องเรียนปัญหาด้านการก่อสร้างลงเหลือ 20% จากปัจจุบันมี 30% ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกน่าจะพัฒนาได้ 50% และครึ่งปีหลังอีก 50% ของโครงการที่มีทั้งหมด
นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าในปี 2555 แสนสิริตั้งเป้าเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 44 โครงการ มูลค่ารวมกันประมาณ 46,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 19 โครงการ มูลค่าประมาณ 19,000 ล้านบาท บ้านเดี่ยว 15 โครงการ มูลค่า20,000 ล้านบาท และทาวน์เฮาส์ 10 โครงการ มูลค่า 7,000 ล้านบาท พร้อมขยายตลาดไปยังต่างจังหวัด หลังประสบความสำเร็จจากการเปิดตัวคอนโดมิเนียมที่หัวหิน และภูเก็ต โดยจะเปิดตัวโครงการใหม่ๆ ตามหัวเมืองใหญ่ เช่น เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา,จ.เชียงใหม่ และเมืองพัทยา เมื่อรวมกับโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาต่อเนื่องจากปีก่อน จะทำให้ปีนี้กลุ่มแสนสิริจะมีโครงการที่อยู่อาศัยรองรับการขยายตัวอย่างน้อย 95 โครงการ
โดยปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ประมาณ 32,000 ล้านบาท และคาดว่าจะมีกำไรเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 จากปีก่อน สำหรับงบลงทุนในปีนี้บริษัทตั้งไว้ประมาณ 24,000 ล้านบาท แบ่งเป็นงบในการซื้อที่ดินที่ 6,000 ล้านบาท แต่ถ้าตลาดมีความต้องการสูงและได้ทำเลดีก็อาจจะเพิ่มเป็น 8,000 ล้านบาท โดยเงินลงทุนจะมาจากเงินกู้ สถาบันการเงินและกระแสเงินสด นอกจากนี้ บริษัทมีแผนประชุมคณะกรรมการในปลายเดือน กุมภาพันธ์ 2555 เพื่อพิจารณารับรองงบการเงินของปี 2554 และการจ่ายปันผล รวมทั้งมีแผนจะขออนุมัติเพิ่มวงเงินออกหุ้นกู้จากที่เหลืออยู่ 2,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการลงทุนของบริษัท
นายวสันต์ เคียงศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธารารมณ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปีนี้วางแผนเปิดตัวบ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียมใหม่ 4 โครงการ รวมมูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการพัฒนาบ้านเดี่ยวเป็นหลัก 75% และคอนโดฯ 25% บ้านเดี่ยวที่จะเปิดตัวในปีนี้ ได้แก่ 1.โครงการพาร์คเวย์ชาเลต์ รามคำแหง(สุขาภิบาล 3) จำนวน 47 ยูนิต มูลค่า 250 ล้านบาท 2. บ้านเดี่ยวทำเลรามคำแหง(สุขาภิบาล 3) อยู่ระหว่างตั้งชื่อแบรนด์ราคายูนิตละ 7-8 ล้านบาท เป็นเซ็กเมนต์ใหม่ที่เข้ามาทำ ตลาดจริงจังเป็นครั้งแรก จำนวน 40 ยูนิต มูลค่า 300 ล้านบาท และ 3. เทรนดี้ธารา บางใหญ่ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของบริษัทที่หันมาพัฒนาโซนบางใหญ่ จำนวน 220 ยูนิต รวมมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท ส่วนคอนโดฯจะเปิดตัวภายใต้แบรนด์The Link ซอยสุขุมวิท 64 (โครงการที่ 2)ใกล้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสปุณณวิถี จำนวน 160 ยูนิต เริ่มต้นตารางเมตรละ 65,000 บาท มูลค่า 400 ล้านบาท
ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการ บริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 4-5 โครงการ มูลค่า 2,000-3,000 ล้านบาท ซึ่งจะมีโครงการบ้านเดี่ยวที่เมืองพัทยาซึ่งปรับรูปแบบมาจากโครงการสนามกอล์ฟและโรงแรม เนื่องจากเห็นความต้องการบ้านในต่างจังหวัดเพิ่มขึ้น ขณะที่บริษัทตั้งเป้ายอดขายเท่ากับปีก่อนที่ 1,700-1,800 ล้านบาท หลังจากปีที่ผ่านมาทำได้แค่ 1,400 ล้านบาท
นางสุวรรณา พุทธประสาท กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า มีแผนการพัฒนาโครงการรวม 23 โครงการ มูลค่า21,352 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นคอนโดฯ 5 โครงการ มูลค่า 10,000 ล้านบาท ได้แก่ 1.แบรนด์ "คิวเฮ้าส์" 2 โครงการ 2.แบรนด์ "คาซ่า" 2 โครงการ และ 3.แบรนด์ "เดอะทรัสต์" 1 โครงการที่พัทยา ที่เหลือเป็นแนวราบ
ด้านบริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่อีกจำนวน 19 โครงการ แยกเป็นโครงการแนวราบในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล และต่างจังหวัด จำนวน 13 โครงการ ส่วนโครงการคอนโดฯ จำนวน 6 โครงการ ซึ่งปีนี้จะเน้นการดำเนินงาน 4 เรื่องหลัก คือ 1. การพัฒนาโครงการใหม่ในหัวเมืองจังหวัดต่างๆ เพิ่มขึ้นโดยคาดว่าจะมีสัดส่วนต่อรายได้รวม 16% โดยในปี 2555บริษัทเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี และชลบุรี อีกทั้งกำลังสนใจการลงทุนในจังหวัดอื่นๆ เพิ่มเติม อาทิ นครราชสีมา อุดรธานี อุบลราชธานี พิษณุโลก นครสวรรค์ นครศรีธรรมราช ระยอง เป็นต้น
ส่วนแผนงานที่ 2 คือ การพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเชิงพาณิชยกรรม ทั้งศูนย์การค้าและอาคารสำนักงานให้เช่าในพื้นที่ต่างๆ เพิ่มขึ้น 3. การลงทุนในต่างประเทศเพิ่มขึ้น อาทิ ประเทศในอาเซียนต่างๆ 4. การพัฒนาบ้านจัดสรรเพื่อป้องกันน้ำท่วม อาทิ ยกระดับที่ดินและตัวบ้านให้สูงขึ้น, รั้วที่ป้องกันน้ำไหลเข้าสู่โครงการ, ยกระดับปลั๊กเสียบสวิตช์, ปั๊มน้ำ, เครื่องปรับอากาศ, หม้อแปลงไฟฟ้า เป็นต้น
ที่มา: หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,707 22-25 มกราคม พ.ศ. 2555
ส่วนแอล.พี.เอ็น.-เสนาฯ-คิวเฮ้าส์-ศุภาลัย ลุยเปิดโปรเจ็กต์ทั้งในกทม.และบุกตลาดต่างจังหวัด ส่วนธารารมณ์ยังมั่นใจตลาดคอนโดฯ เปิดต่อโซนรถไฟฟ้า
"ฐานเศรษฐกิจ" ได้ทำการสำรวจตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงปี 2555 พบว่าผู้ประกอบการรายใหญ่ยังคงมีแผนการพัฒนาโครงการออกมาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าช่วงปลายปีที่ผ่านมา จะเกิดปัญหาน้ำท่วมใหญ่ ซึ่งผู้ประกอบการรายใหญ่ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯยังคงวางแผนการเปิดโครงการใหม่ โดยคาดว่าจะเปิดตัวมากในช่วงไตรมาส 2 เป็นต้นไป หลังจากกำลังซื้อเริ่มกลับมา โดยพบว่า 7 ผู้ประกอบการรายใหญ่ มีแผนการพัฒนาโครงการมากถึง 153-154 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 1.2-1.22 แสนล้านบาท กระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ ในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดด้วย
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงแผนการพัฒนาโครงการในปี 2555 ว่า คาดจะพัฒนาโครงการใหม่ 10 โครงการ รวมมูลค่า 15,000-16,000 ล้านบาท โดยบริษัทจะทำตลาดในทุกกลุ่มเป้าหมายที่เคยพัฒนามาก่อนหน้านี้ ซึ่งในแผนการลงทุนปีนี้จะมีการลงทุนในต่างจังหวัดด้วย 1-2 โครงการ ซึ่งจะมีจังหวัดแห่งใหม่ที่บริษัทยังไม่เคยเข้าไปพัฒนาด้วย จากก่อนหน้านี้ที่ได้พัฒนาโครงการในจ.ชลบุรี และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
ส่วนเป้าหมายการเติบโตในปีนี้ บริษัทคาดว่าจะทำยอดพรีเซลได้ 16,000 ล้านบาท เติบโตจากปีที่ผ่านมา 15% ซึ่งทำยอดพรีเซลได้ 14,200 ล้านบาท โดยช่วงปีที่ผ่านมายอดพรีเซลของบริษัทลดต่ำจากปีก่อนหน้าเล็กน้อยที่ทำได้ 15,000 ล้านบาท เป็นเพราะช่วงปี 2553 บริษัทมีการเปิดตัวโครงการระดับราคาเฉลี่ยที่สูงกว่าปีที่ผ่านมา แต่หากพิจารณาในด้านจำนวนหน่วยที่เปิดขายจะพบว่ามีจำนวนการขายมากกว่าปี 2553
นายโอภาส กล่าวอีกว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2555 ช่วงครึ่งปีแรกผู้ประกอบการจะมุ่งแก้ไขปัญหาน้ำท่วมเป็นหลัก ทำให้การเปิดตัวโครงการใหม่น่าจะลดลงหรือใกล้เคียงกับช่วงครึ่งปีแรกของปี 2554 และช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้การเปิดตัวใหม่คงจะกลับฟื้นมาเป็นปกติหรืออาจจะมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา เพื่อให้ภาพรวมทั้งปียังคงมีการเติบโตต่อไปได้ เนื่องจากผู้ประกอบการต้องรักษาเป้าหมายการเติบโต หากไม่มีสถานการณ์พลิกผันเชื่อว่าในปีนี้การเปิดตัวจะมากกว่าปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะกลุ่มคอนโดฯ น่าจะเปิดตัวมากกว่า 48,000 ยูนิต
นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทเตรียมเปิด 49 โครงการ รวมมูลค่า 34,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการทาวน์เฮาส์ 28 โครงการ บ้านเดี่ยว 15 โครงการ คอนโดมิเนียม 4 โครงการ และโครงการในต่างประเทศอีก 2 โครงการ ปัจจุบันมีที่ดินพร้อมการพัฒนาแล้ว 28 โครงการและตั้งงบซื้อที่ดินอีก 6,000 ล้านบาท สำหรับการพัฒนาโครงการอีก 21 โครงการ ส่วนงบประมาณการก่อสร้างคาดว่าจะใช้ประมาณ 18,000 ล้านบนาท ส่วนยอดจองในปีนี้คาดว่าทำได้ 29,000 ล้านบาท ยอดโอน 26,000 ล้านบาท
ส่วนในปีนี้มีบริษัทที่ตั้งเป้าหมายยอดโอนมากกว่าบริษัทและอาจจะเป็นเบอร์ 1 ในตลาดอสังหาฯ ก็ไม่เป็นอะไร เพราะบริษัทจะมุ่งการพัฒนาโครงการที่มีคุณภาพ โดยนำระบบการสร้างบ้านแบบ Real Estate Manufacturing (REM) มาใช้กับโครงการปัจจุบันมี 141 โครงการ เพื่อลดการร้องเรียนปัญหาด้านการก่อสร้างลงเหลือ 20% จากปัจจุบันมี 30% ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกน่าจะพัฒนาได้ 50% และครึ่งปีหลังอีก 50% ของโครงการที่มีทั้งหมด
นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าในปี 2555 แสนสิริตั้งเป้าเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 44 โครงการ มูลค่ารวมกันประมาณ 46,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 19 โครงการ มูลค่าประมาณ 19,000 ล้านบาท บ้านเดี่ยว 15 โครงการ มูลค่า20,000 ล้านบาท และทาวน์เฮาส์ 10 โครงการ มูลค่า 7,000 ล้านบาท พร้อมขยายตลาดไปยังต่างจังหวัด หลังประสบความสำเร็จจากการเปิดตัวคอนโดมิเนียมที่หัวหิน และภูเก็ต โดยจะเปิดตัวโครงการใหม่ๆ ตามหัวเมืองใหญ่ เช่น เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา,จ.เชียงใหม่ และเมืองพัทยา เมื่อรวมกับโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาต่อเนื่องจากปีก่อน จะทำให้ปีนี้กลุ่มแสนสิริจะมีโครงการที่อยู่อาศัยรองรับการขยายตัวอย่างน้อย 95 โครงการ
โดยปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ประมาณ 32,000 ล้านบาท และคาดว่าจะมีกำไรเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 จากปีก่อน สำหรับงบลงทุนในปีนี้บริษัทตั้งไว้ประมาณ 24,000 ล้านบาท แบ่งเป็นงบในการซื้อที่ดินที่ 6,000 ล้านบาท แต่ถ้าตลาดมีความต้องการสูงและได้ทำเลดีก็อาจจะเพิ่มเป็น 8,000 ล้านบาท โดยเงินลงทุนจะมาจากเงินกู้ สถาบันการเงินและกระแสเงินสด นอกจากนี้ บริษัทมีแผนประชุมคณะกรรมการในปลายเดือน กุมภาพันธ์ 2555 เพื่อพิจารณารับรองงบการเงินของปี 2554 และการจ่ายปันผล รวมทั้งมีแผนจะขออนุมัติเพิ่มวงเงินออกหุ้นกู้จากที่เหลืออยู่ 2,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการลงทุนของบริษัท
นายวสันต์ เคียงศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธารารมณ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปีนี้วางแผนเปิดตัวบ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียมใหม่ 4 โครงการ รวมมูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการพัฒนาบ้านเดี่ยวเป็นหลัก 75% และคอนโดฯ 25% บ้านเดี่ยวที่จะเปิดตัวในปีนี้ ได้แก่ 1.โครงการพาร์คเวย์ชาเลต์ รามคำแหง(สุขาภิบาล 3) จำนวน 47 ยูนิต มูลค่า 250 ล้านบาท 2. บ้านเดี่ยวทำเลรามคำแหง(สุขาภิบาล 3) อยู่ระหว่างตั้งชื่อแบรนด์ราคายูนิตละ 7-8 ล้านบาท เป็นเซ็กเมนต์ใหม่ที่เข้ามาทำ ตลาดจริงจังเป็นครั้งแรก จำนวน 40 ยูนิต มูลค่า 300 ล้านบาท และ 3. เทรนดี้ธารา บางใหญ่ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของบริษัทที่หันมาพัฒนาโซนบางใหญ่ จำนวน 220 ยูนิต รวมมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท ส่วนคอนโดฯจะเปิดตัวภายใต้แบรนด์The Link ซอยสุขุมวิท 64 (โครงการที่ 2)ใกล้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสปุณณวิถี จำนวน 160 ยูนิต เริ่มต้นตารางเมตรละ 65,000 บาท มูลค่า 400 ล้านบาท
ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการ บริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 4-5 โครงการ มูลค่า 2,000-3,000 ล้านบาท ซึ่งจะมีโครงการบ้านเดี่ยวที่เมืองพัทยาซึ่งปรับรูปแบบมาจากโครงการสนามกอล์ฟและโรงแรม เนื่องจากเห็นความต้องการบ้านในต่างจังหวัดเพิ่มขึ้น ขณะที่บริษัทตั้งเป้ายอดขายเท่ากับปีก่อนที่ 1,700-1,800 ล้านบาท หลังจากปีที่ผ่านมาทำได้แค่ 1,400 ล้านบาท
นางสุวรรณา พุทธประสาท กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า มีแผนการพัฒนาโครงการรวม 23 โครงการ มูลค่า21,352 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นคอนโดฯ 5 โครงการ มูลค่า 10,000 ล้านบาท ได้แก่ 1.แบรนด์ "คิวเฮ้าส์" 2 โครงการ 2.แบรนด์ "คาซ่า" 2 โครงการ และ 3.แบรนด์ "เดอะทรัสต์" 1 โครงการที่พัทยา ที่เหลือเป็นแนวราบ
ด้านบริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่อีกจำนวน 19 โครงการ แยกเป็นโครงการแนวราบในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล และต่างจังหวัด จำนวน 13 โครงการ ส่วนโครงการคอนโดฯ จำนวน 6 โครงการ ซึ่งปีนี้จะเน้นการดำเนินงาน 4 เรื่องหลัก คือ 1. การพัฒนาโครงการใหม่ในหัวเมืองจังหวัดต่างๆ เพิ่มขึ้นโดยคาดว่าจะมีสัดส่วนต่อรายได้รวม 16% โดยในปี 2555บริษัทเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี และชลบุรี อีกทั้งกำลังสนใจการลงทุนในจังหวัดอื่นๆ เพิ่มเติม อาทิ นครราชสีมา อุดรธานี อุบลราชธานี พิษณุโลก นครสวรรค์ นครศรีธรรมราช ระยอง เป็นต้น
ส่วนแผนงานที่ 2 คือ การพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเชิงพาณิชยกรรม ทั้งศูนย์การค้าและอาคารสำนักงานให้เช่าในพื้นที่ต่างๆ เพิ่มขึ้น 3. การลงทุนในต่างประเทศเพิ่มขึ้น อาทิ ประเทศในอาเซียนต่างๆ 4. การพัฒนาบ้านจัดสรรเพื่อป้องกันน้ำท่วม อาทิ ยกระดับที่ดินและตัวบ้านให้สูงขึ้น, รั้วที่ป้องกันน้ำไหลเข้าสู่โครงการ, ยกระดับปลั๊กเสียบสวิตช์, ปั๊มน้ำ, เครื่องปรับอากาศ, หม้อแปลงไฟฟ้า เป็นต้น
ที่มา: หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,707 22-25 มกราคม พ.ศ. 2555