นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคาร ธนชาต จำกัด (มหาชน) (TBANK) เปิดเผยว่า ธนาคารตั้งเป้าหมายสินเชื่อปีนี้เติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 10-12% จากปีก่อน โดยมีสินเชื่อคงค้างที่ 640,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 64,000 ล้านบาท และมีสินเชื่อเช่าซื้อเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งกลยุทธ์ในปีนี้ ธนาคารจะใช้ประโยชน์จากการควบรวมให้เป็นรูปธรรม หลังจากทฐานของธนาคารใหญ่ขึ้น จึงต้องมาต่อยอดให้ได้ ซึ่งแต่ละธุรกิจจะมีกลวิธีที่แตกต่างกันออกไป
"สินเชื่อขนาดใหญ่เราจะเน้น 40 sector แต่ละ sector ไปหาลูกค้าเป้าหมายหลัก 10-20 บริษัท และติดตามดูแลใกล้ชิด ตรงนี้เขาจะได้ใกล้ชิดลูกค้ามากขึ้น ส่วนเอสเอ็มอีก็แบ่งทีมและแบ่งสายในแต่ละพื้นที่เพราะความชำนาญพื้นที่จะแตกต่างกันไป และปีนี้เราจะลงมาเล่นเอสเอ็มอีที่เป็นพ่อค้าแม่ค้าต่ำกว่า 10 ล้านบาท" นายสมเจตน์ กล่าว
นอกจากนี้ ธนาคารตั้งเป้าหมายว่าปีนี้จะลดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL ลงอีก 2% จากปัจจุบันซึ่งมี NPLรวมอยู่ที่ 6% โดยวิธีการบริหารจัดการผ่านบริษัทบริหารสินทรัพย์ ทีเอส จำกัด หรือ TS-AMC ซึ่งจะดีกว่าที่ธนาคารจะตัดขายออกไป
"เราทำเอง แก้เอง เพราะถ้าขายออกไปจะเสียหายมาก อย่างน้อยๆ เลย คาดว่ามันน่าจะลงได้อีก 2% ในปีนี้'นายสมเจตน์ กล่าว
ทั้งนี้ ยอมรับว่า ในช่วง น้ำท่วมมี NPL เพิ่มขึ้นบ้าง ซึ่งธนาคารก็ทยอยแก้ไข แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับลูกค้านั้น เกิดจากสถานการณ์จำเป็นไม่ใช่การหนีหนี้ ซึ่งลูกค้าต้องใช้เวลาประมาณ 4-6 เดือนในการฟื้นฟูธุรกิจ และหลังจากนั้นก็จะมีความสามารถในการกลับมาชำระหนี้ได้ตามปกติ
นายสมเจตน์ กล่าวยอมรับว่า หลังควบรวมกับธนาคารนครหลวงไทยแล้ว กระบวนการทำงานยังไม่สมบูรณ์ 100% ดังนั้น ปีนี้ธนาคารจะใช้ทรัพยากรที่มีทั้งหมดหลังควบรวม คิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมา และรูปแบบการส่งมอบผลิตภัณฑ์แก่ลูกค้าต้องทำให้ดีกว่าเดิม ซึ่งคาดว่า กระบวนการดังกล่าวต้องใช้เวลา พอสมควร อาจจะอยู่ในช่วง 6-24 เดือน ในการปรับปรุงกระบวนการ ดังกล่าว ซึ่งถือเป็นหลักการใหญ่ๆ ที่ธนาคารจะทำในปีนี้
ที่มา: หนังสือพิมพ์ดิจิตอล Investor Station
นอกจากนี้ ธนาคารตั้งเป้าหมายว่าปีนี้จะลดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL ลงอีก 2% จากปัจจุบันซึ่งมี NPLรวมอยู่ที่ 6% โดยวิธีการบริหารจัดการผ่านบริษัทบริหารสินทรัพย์ ทีเอส จำกัด หรือ TS-AMC ซึ่งจะดีกว่าที่ธนาคารจะตัดขายออกไป
"เราทำเอง แก้เอง เพราะถ้าขายออกไปจะเสียหายมาก อย่างน้อยๆ เลย คาดว่ามันน่าจะลงได้อีก 2% ในปีนี้'นายสมเจตน์ กล่าว
ทั้งนี้ ยอมรับว่า ในช่วง น้ำท่วมมี NPL เพิ่มขึ้นบ้าง ซึ่งธนาคารก็ทยอยแก้ไข แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับลูกค้านั้น เกิดจากสถานการณ์จำเป็นไม่ใช่การหนีหนี้ ซึ่งลูกค้าต้องใช้เวลาประมาณ 4-6 เดือนในการฟื้นฟูธุรกิจ และหลังจากนั้นก็จะมีความสามารถในการกลับมาชำระหนี้ได้ตามปกติ
นายสมเจตน์ กล่าวยอมรับว่า หลังควบรวมกับธนาคารนครหลวงไทยแล้ว กระบวนการทำงานยังไม่สมบูรณ์ 100% ดังนั้น ปีนี้ธนาคารจะใช้ทรัพยากรที่มีทั้งหมดหลังควบรวม คิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมา และรูปแบบการส่งมอบผลิตภัณฑ์แก่ลูกค้าต้องทำให้ดีกว่าเดิม ซึ่งคาดว่า กระบวนการดังกล่าวต้องใช้เวลา พอสมควร อาจจะอยู่ในช่วง 6-24 เดือน ในการปรับปรุงกระบวนการ ดังกล่าว ซึ่งถือเป็นหลักการใหญ่ๆ ที่ธนาคารจะทำในปีนี้
ที่มา: หนังสือพิมพ์ดิจิตอล Investor Station