นายชาติชาย พยุหนาวีชัย รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยถึงกรณีที่กรุงเทพมหานครเตรียมนำผังเมือง ฉบับใหม่มาใช้แทนผังเมืองเก่าที่หมดอายุในเดือน พ.ค.นี้และกำหนดให้คอนโดมิเนียมที่ตั้งอยู่ในซอยต้องมีความกว้าง 16 เมตรว่า จะทำให้คอนโดมิเนียมเก่ามีราคาสูงขึ้น ขณะที่คอนโดมิเนียมใหม่ก่อสร้างยากขึ้น เพราะถ้า ไม่ได้ตามเกณฑ์ที่กรุงเทพมหานครกำหนดจะไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างได้
ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายย่อยมากกว่ารายใหญ่ เนื่องจากราคาย่อยมีเงินทุนจำกัดการจัดหาพื้นที่ใหม่คงเป็นไปได้ยาก แตกต่างจากผู้ประกอบการรายใหญ่สามารถหาที่ดินก่อสร้างบริเวณถนนใหญ่ได้ แต่จะส่งผลให้ราคาคอนโดมิเนียมใหม่มีราคาสูงกว่าปกติ และกลุ่มลูกค้าจะเปลี่ยนไปจากเดิมที่มีเงินเดือน 30,000-50,000 บาทต่อเดือนจะเป็นลูกค้าที่มีเงินเดือน 100,000 บาทขึ้นไป
"มาตรการนี้จะทำให้ลูกค้าซื้อคอนโดมิเนียมลดลงจากเดิมสัดส่วน 50% จะเหลือเพียง 30% และหันมาซื้อบ้านเดี่ยว และทาวน์เฮาส์ทดแทนจากปัจจุบันมีสัดส่วน 50% จะเพิ่มเป็น 70% เชื่อว่าในช่วงนี้รายย่อยที่ได้รับใบอนุญาตก่อสร้างโครงการจะต้องเร่งก่อสร้างให้ทันภายในปีนี้ ส่วนการปล่อยสินเชื่อโครงการจะปล่อยให้บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์มากกว่าคอนโดมิเนียม เพราะการก่อสร้างใช้เวลานาน"
สำหรับการปล่อยสินเชื่อในไตรมาส 1/55 คาดว่าต่ำกว่าเป้าประมาณ 20% จากทั้งปีที่ตั้งไว้ว่าจะปล่อยสินเชื่อ 50,000 ล้านบาท จากปี 54 ปล่อยสินเชื่อ 56,000 ล้านบาท เป็นผลมาจากตลาดอสังหาริมทรัพย์เติบโตในอัตราชะลอลง เพราะได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในช่วงปลายปี โดยตลาดรวมปีนี้เติบโตเพียง 6% จากเดิมเติบโต 7.3% ส่วนสินเชื่อของธนาคารเติบโต 7.5-8% จากเดิมโต 8% ทั้งนี้ในด้านของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือเอ็นพีแอลยังต่ำเฉลี่ยประมาณ 1.3-1.4% และการขอสินเชื่อช่วงน้ำท่วมเพื่อซ่อมแซมบ้านที่อยู่อาศัยมีเพียง 400-500 ล้านบาท ขณะที่พอร์ตสินเชื่อคงค้างสิ้นปีโต 8% จากปี 54 อยู่ที่ 193,000 ล้านบาท
"มาตรการนี้จะทำให้ลูกค้าซื้อคอนโดมิเนียมลดลงจากเดิมสัดส่วน 50% จะเหลือเพียง 30% และหันมาซื้อบ้านเดี่ยว และทาวน์เฮาส์ทดแทนจากปัจจุบันมีสัดส่วน 50% จะเพิ่มเป็น 70% เชื่อว่าในช่วงนี้รายย่อยที่ได้รับใบอนุญาตก่อสร้างโครงการจะต้องเร่งก่อสร้างให้ทันภายในปีนี้ ส่วนการปล่อยสินเชื่อโครงการจะปล่อยให้บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์มากกว่าคอนโดมิเนียม เพราะการก่อสร้างใช้เวลานาน"
สำหรับการปล่อยสินเชื่อในไตรมาส 1/55 คาดว่าต่ำกว่าเป้าประมาณ 20% จากทั้งปีที่ตั้งไว้ว่าจะปล่อยสินเชื่อ 50,000 ล้านบาท จากปี 54 ปล่อยสินเชื่อ 56,000 ล้านบาท เป็นผลมาจากตลาดอสังหาริมทรัพย์เติบโตในอัตราชะลอลง เพราะได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในช่วงปลายปี โดยตลาดรวมปีนี้เติบโตเพียง 6% จากเดิมเติบโต 7.3% ส่วนสินเชื่อของธนาคารเติบโต 7.5-8% จากเดิมโต 8% ทั้งนี้ในด้านของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือเอ็นพีแอลยังต่ำเฉลี่ยประมาณ 1.3-1.4% และการขอสินเชื่อช่วงน้ำท่วมเพื่อซ่อมแซมบ้านที่อยู่อาศัยมีเพียง 400-500 ล้านบาท ขณะที่พอร์ตสินเชื่อคงค้างสิ้นปีโต 8% จากปี 54 อยู่ที่ 193,000 ล้านบาท