เจ้ากระทรวงพัฒนาสังคมฯ "สันติ" สั่งขึ้นราคาบ้านเอื้อฯจาก 3.9 แสน เป็น 6 แสนบาท พร้อมเปิดตัวอีก 4 แสนหน่วยทั่วประเทศ
นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้การเคหะแห่งชาติ (กคช.) สานต่อโครงการบ้านเอื้ออาทรใหม่ อีก 4 แสนหน่วย เพื่อให้ประชาชนได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองและได้ขยับราคาขายขึ้นจากเดิม 3.9 แสนบาทต่อยูนิต เป็นราคาไม่เกิน 6 แสนบาทต่อยูนิต ตามต้นทุนการก่อสร้างใหม่ที่ปรับสูงขึ้น แม้รัฐจะช่วยจ่ายให้ยูนิตละ 1.2 แสนบาท โดยผู้ซื้อต้องเป็นผู้มีรายได้ไม่เกินครอบครัวละ 2 หมื่นบาทต่อเดือน
ทั้งนี้ การพัฒนาโครงการบางส่วนจะพัฒนาในที่ดินเดิมของ กคช. ซึ่งเป็นโครงการที่รับซื้อจากภาคเอกชนแต่ถูกยกเลิกการก่อสร้าง และบางส่วนจะเป็นที่ดินทำเลใหม่ ซึ่งจะศึกษาถึงอุปสงค์ที่แท้จริงก่อนการพัฒนา
พร้อมกันนี้ ยังให้เดินหน้าโครงการที่อยู่อาศัยใกล้กับเส้นทางรถไฟฟ้าหรือระบบคมนาคมขนส่ง เพื่อขยายฐานลูกค้าจากประชาชนผู้มีรายได้น้อยไปสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่ รวมทั้งให้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมธนารักษ์ หรือการรถไฟแห่งประเทศไทยเพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัยจำนวน2,700 หน่วย มูลค่าโครงการ 2,160 ล้านบาท
"โครงการที่อยู่อาศัยใกล้ระบบคมนาคมนั้น อาจจะเป็นชุมชน ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาในการเดินทางจากโครงการไปยังระบบคมนาคมขนส่งประมาณ 30 นาที และต้องมีการเชื่อมต่อของระบบคมนาคมที่ดี" นายสันติ กล่าว
นอกจากนี้ ผลสรุปจากการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ(กยน.) ได้นำเรื่องความเสียหายจากมหาอุทกภัยที่ผ่านมา ที่ให้เร่งจัดสร้างที่อยู่อาศัยสำหรับประชาชนที่อาศัยบริเวณริมคูคลองที่ขวางเส้นทางระบายน้ำและผิดหลักการวางผังเมืองที่กำหนดไว้ โดยให้ กคช.ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำรวจพื้นที่คูคลองที่ถูกบุกรุก จากนั้นจะได้ขอคืนพื้นที่ให้ กคช.ทำการรื้อย้ายผู้อยู่อาศัยบริเวณริมคูคลอง เข้าไปอยู่ในโครงการที่เหมาะสม และจะให้มีการจัดสร้างบ้านสำหรับคนเร่ร่อนไร้ที่อยู่อาศัยด้วย
"จากการสำรวจพบว่า คลองในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล หลายคูคลองนั้นตื้นเขิน มีการบุกรุก และสร้างบ้านกีดขวางทางน้ำ จำนวน 29 คูคลอง จนกลายเป็นแหล่งเสื่อมโทรมที่ต้องเร่งจัดสร้างที่อยู่อาศัยใหม่" นายสันติ กล่าว
สำหรับแผนการพัฒนาที่อยู่อาศัยของ กคช. 5 ปี (ปี 2554-2558) จำนวน1 แสนหน่าย ใช้วงเงินลงทุนรวม 114 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา
นายสันติ กล่าวว่า ยังมีแผนจะเร่งสะสางหนี้ของ กคช.ที่มีอยู่กว่า 5 หมื่นล้านบาท ด้วยการออกตราสารทางการเงิน ประเภทซีเคียวริไทเซชันหรือการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ เช่น การขายพอร์ตที่ดีออกไป โดยเป็นการรวบรวมให้ได้ 3 หมื่นล้านบาทเพื่อให้กคช.มีเงินมาพัฒนาโครงการต่อเนื่องและลดภาระหนี้
"หนี้จำนวน 5 หมื่นกว่าล้านบาทคงจะต้องทยอยลดลงไป แต่เป็นไปไม่ได้ที่หนี้จะลดลงไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากกลุ่มผู้ซื้อโครงการของ กคช.นั้นมีหลากหลาย และโครงการที่ขายมีทั้งขายขาดและเช่าซื้อ ผู้อยู่อาศัยบางส่วนก็มีปัญหาในการผ่อนชำระ" นายสันติ กล่าว
ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้การเคหะแห่งชาติ (กคช.) สานต่อโครงการบ้านเอื้ออาทรใหม่ อีก 4 แสนหน่วย เพื่อให้ประชาชนได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองและได้ขยับราคาขายขึ้นจากเดิม 3.9 แสนบาทต่อยูนิต เป็นราคาไม่เกิน 6 แสนบาทต่อยูนิต ตามต้นทุนการก่อสร้างใหม่ที่ปรับสูงขึ้น แม้รัฐจะช่วยจ่ายให้ยูนิตละ 1.2 แสนบาท โดยผู้ซื้อต้องเป็นผู้มีรายได้ไม่เกินครอบครัวละ 2 หมื่นบาทต่อเดือน
ทั้งนี้ การพัฒนาโครงการบางส่วนจะพัฒนาในที่ดินเดิมของ กคช. ซึ่งเป็นโครงการที่รับซื้อจากภาคเอกชนแต่ถูกยกเลิกการก่อสร้าง และบางส่วนจะเป็นที่ดินทำเลใหม่ ซึ่งจะศึกษาถึงอุปสงค์ที่แท้จริงก่อนการพัฒนา
พร้อมกันนี้ ยังให้เดินหน้าโครงการที่อยู่อาศัยใกล้กับเส้นทางรถไฟฟ้าหรือระบบคมนาคมขนส่ง เพื่อขยายฐานลูกค้าจากประชาชนผู้มีรายได้น้อยไปสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่ รวมทั้งให้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมธนารักษ์ หรือการรถไฟแห่งประเทศไทยเพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัยจำนวน2,700 หน่วย มูลค่าโครงการ 2,160 ล้านบาท
"โครงการที่อยู่อาศัยใกล้ระบบคมนาคมนั้น อาจจะเป็นชุมชน ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาในการเดินทางจากโครงการไปยังระบบคมนาคมขนส่งประมาณ 30 นาที และต้องมีการเชื่อมต่อของระบบคมนาคมที่ดี" นายสันติ กล่าว
นอกจากนี้ ผลสรุปจากการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ(กยน.) ได้นำเรื่องความเสียหายจากมหาอุทกภัยที่ผ่านมา ที่ให้เร่งจัดสร้างที่อยู่อาศัยสำหรับประชาชนที่อาศัยบริเวณริมคูคลองที่ขวางเส้นทางระบายน้ำและผิดหลักการวางผังเมืองที่กำหนดไว้ โดยให้ กคช.ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำรวจพื้นที่คูคลองที่ถูกบุกรุก จากนั้นจะได้ขอคืนพื้นที่ให้ กคช.ทำการรื้อย้ายผู้อยู่อาศัยบริเวณริมคูคลอง เข้าไปอยู่ในโครงการที่เหมาะสม และจะให้มีการจัดสร้างบ้านสำหรับคนเร่ร่อนไร้ที่อยู่อาศัยด้วย
"จากการสำรวจพบว่า คลองในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล หลายคูคลองนั้นตื้นเขิน มีการบุกรุก และสร้างบ้านกีดขวางทางน้ำ จำนวน 29 คูคลอง จนกลายเป็นแหล่งเสื่อมโทรมที่ต้องเร่งจัดสร้างที่อยู่อาศัยใหม่" นายสันติ กล่าว
สำหรับแผนการพัฒนาที่อยู่อาศัยของ กคช. 5 ปี (ปี 2554-2558) จำนวน1 แสนหน่าย ใช้วงเงินลงทุนรวม 114 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา
นายสันติ กล่าวว่า ยังมีแผนจะเร่งสะสางหนี้ของ กคช.ที่มีอยู่กว่า 5 หมื่นล้านบาท ด้วยการออกตราสารทางการเงิน ประเภทซีเคียวริไทเซชันหรือการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ เช่น การขายพอร์ตที่ดีออกไป โดยเป็นการรวบรวมให้ได้ 3 หมื่นล้านบาทเพื่อให้กคช.มีเงินมาพัฒนาโครงการต่อเนื่องและลดภาระหนี้
"หนี้จำนวน 5 หมื่นกว่าล้านบาทคงจะต้องทยอยลดลงไป แต่เป็นไปไม่ได้ที่หนี้จะลดลงไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากกลุ่มผู้ซื้อโครงการของ กคช.นั้นมีหลากหลาย และโครงการที่ขายมีทั้งขายขาดและเช่าซื้อ ผู้อยู่อาศัยบางส่วนก็มีปัญหาในการผ่อนชำระ" นายสันติ กล่าว
ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์