หลังจากผ่านพ้นวิกฤติปัญหาน้ำท่วมใหญ่ครั้งที่ผ่านมาสถานการณ์ต่างๆ ก็เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติและมีแนวโน้มดีขึ้นตามช่วงเวลาที่ผ่านไป เพราะประสบการณ์ที่ผ่านมาช่วยทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจมีความระมัดระวัง และวางแผนการรับมือกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตไว้ล่วงหน้าอย่างดีประกอบกับภาครัฐเองก็พยายามที่จะหาแนวทางออกมาป้องกัน และเสริมสร้างความมั่นใจให้เกิดขึ้นทั้งกับนักธุรกิจและประชาชนทั่วไป
การดำเนินการที่ทางศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ทำเป็นประจำทุกไตรมาสอย่างหนึ่งคือการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัย ทั้งอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ และนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อวัดค่าความเชื่อมั่นต่อภาพรวมธุรกิจในปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคตข้างหน้า ซึ่งมีผู้ประกอบการตอบแบบสอบถามจำนวน 166 บริษัท เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ 30 บริษัท และบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ 136 บริษัท โดยการคำนวณค่าดัชนีจะให้น้ำหนักทั้งสองกลุ่มสัดส่วนเท่ากัน
การดำเนินการที่ทางศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ทำเป็นประจำทุกไตรมาสอย่างหนึ่งคือการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัย ทั้งอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ และนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อวัดค่าความเชื่อมั่นต่อภาพรวมธุรกิจในปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคตข้างหน้า ซึ่งมีผู้ประกอบการตอบแบบสอบถามจำนวน 166 บริษัท เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ 30 บริษัท และบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ 136 บริษัท โดยการคำนวณค่าดัชนีจะให้น้ำหนักทั้งสองกลุ่มสัดส่วนเท่ากัน
จากผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยประจำไตรมาส 1 ปี 2555พบว่าค่าดัชนีความเชื่อมั่นในภาวะปัจจุบัน (Current Situation Index) มีค่าเท่ากับ 54.3 ปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4 ปี 2554 ซึ่งมีค่าดัชนีเท่ากับ37.2 และไตรมาสเดียวกันของปี2554 ที่มีค่าดัชนีเท่ากับ 51.2 เมื่อพิจารณาในแต่ละกลุ่มผู้ประกอบการจะพบว่าผู้ประกอบการที่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ(Listed) มีค่าความเชื่อมั่นในปัจจุบันเท่ากับ 61.9 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4 ปี2554 ที่มีค่าดัชนีเท่ากับ36.6ส่วนผู้ประกอบการที่เป็นบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ(Non-Listed) มีค่าดัชนีความเชื่อมั่นในภาวะปัจจุบันเท่ากับ46.8 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่แล้วซึ่งมีค่าดัชนีเท่ากับ37.8
ค่าดัชนีในไตรมาสแรกปี2555 ที่ปรับเพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่แล้วที่เป็นช่วงเกิดวิกฤติอุทกภัยใหญ่ โดยผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นเกือบทุกหมวดอาทิ ผลประกอบการ ยอดขาย การลงทุน การจ้างงาน และการเปิดโครงการใหม่ การเปิดเฟสใหม่ ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าในไตรมาสแรกปี 2555 นี้ ผู้ประกอบการทั้งในตลาดและนอกตลาดมีการเปิดโครงการใหม่ทั้งสิ้น 28,000 หน่วย แบ่งเป็นอาคารชุดประมาณ22,000 หน่วยบ้านจัดสรรประมาณ 6,000 หน่วย ขณะที่ในไตรมาส 4 ปี 2554 มีโครงการเปิดใหม่ทั้งสิ้นประมาณ 16,000 หน่วย แบ่งเป็นอาคารชุดประมาณ10,000 หน่วยและบ้านจัดสรรประมาณ 6,000 หน่วย
สำหรับทิศทางของภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และสภาพเศรษฐกิจที่มีผลต่อความเชื่อมั่นในอนาคตของผู้ประกอบการนั้นผลการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการต่อความคาดหวังในอีก6 เดือนข้างหน้าพบว่าค่าดัชนีความคาดหวังในอีก 6 เดือนข้างหน้า (Expectations Index) ประจำไตรมาส 1 ปี 2555 มีค่าเท่ากับ 67.0 ปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4 ปี2554 ที่มีค่าเท่ากับ60.8ขณะที่ไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมามีค่าดัชนีเท่ากับ65.8โดยในส่วนของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีค่าดัชนีความคาดหวังในอีก6 เดือนข้างหน้าเท่ากับ 71.7 ปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่แล้วซึ่งมีค่าดัชนีเท่ากับ 65.5 ส่วนบริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีค่าดัชนีความคาดหวังในอีก6 เดือนข้างหน้า เท่ากับ 62.3 ปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่แล้วซึ่งมีค่าดัชนีเท่ากับ 56.2
ดัชนีความคาดหวังในอีก6 เดือนข้างหน้าที่มองไปถึงเดือนกันยายน2555 เปรียบเทียบกับเดือนมีนาคม 2555 ที่เป็นช่วงเวลาของการสำรวจความเชื่อมั่นนั้น พบว่ามีค่าสูงกว่าค่ากลางและมีค่าเพิ่มขึ้นแสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการมีความคาดหวังที่ดีขึ้นต่ออนาคตแต่อาจยังมีความกังวลต่อปัจจัยลบบางด้านเช่นภาวะเศรษฐกิจ การเมือง อุทกภัยและค่าแรงขั้นต่ำซึ่งปรับเพิ่มขึ้นตั้งแต่วันที่1 เมษายนที่ผ่านมา
ที่มา: หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับวันที่ 12 - 14 เม.ย. 2555
ค่าดัชนีในไตรมาสแรกปี2555 ที่ปรับเพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่แล้วที่เป็นช่วงเกิดวิกฤติอุทกภัยใหญ่ โดยผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นเกือบทุกหมวดอาทิ ผลประกอบการ ยอดขาย การลงทุน การจ้างงาน และการเปิดโครงการใหม่ การเปิดเฟสใหม่ ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าในไตรมาสแรกปี 2555 นี้ ผู้ประกอบการทั้งในตลาดและนอกตลาดมีการเปิดโครงการใหม่ทั้งสิ้น 28,000 หน่วย แบ่งเป็นอาคารชุดประมาณ22,000 หน่วยบ้านจัดสรรประมาณ 6,000 หน่วย ขณะที่ในไตรมาส 4 ปี 2554 มีโครงการเปิดใหม่ทั้งสิ้นประมาณ 16,000 หน่วย แบ่งเป็นอาคารชุดประมาณ10,000 หน่วยและบ้านจัดสรรประมาณ 6,000 หน่วย
สำหรับทิศทางของภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และสภาพเศรษฐกิจที่มีผลต่อความเชื่อมั่นในอนาคตของผู้ประกอบการนั้นผลการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการต่อความคาดหวังในอีก6 เดือนข้างหน้าพบว่าค่าดัชนีความคาดหวังในอีก 6 เดือนข้างหน้า (Expectations Index) ประจำไตรมาส 1 ปี 2555 มีค่าเท่ากับ 67.0 ปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4 ปี2554 ที่มีค่าเท่ากับ60.8ขณะที่ไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมามีค่าดัชนีเท่ากับ65.8โดยในส่วนของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีค่าดัชนีความคาดหวังในอีก6 เดือนข้างหน้าเท่ากับ 71.7 ปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่แล้วซึ่งมีค่าดัชนีเท่ากับ 65.5 ส่วนบริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีค่าดัชนีความคาดหวังในอีก6 เดือนข้างหน้า เท่ากับ 62.3 ปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่แล้วซึ่งมีค่าดัชนีเท่ากับ 56.2
ดัชนีความคาดหวังในอีก6 เดือนข้างหน้าที่มองไปถึงเดือนกันยายน2555 เปรียบเทียบกับเดือนมีนาคม 2555 ที่เป็นช่วงเวลาของการสำรวจความเชื่อมั่นนั้น พบว่ามีค่าสูงกว่าค่ากลางและมีค่าเพิ่มขึ้นแสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการมีความคาดหวังที่ดีขึ้นต่ออนาคตแต่อาจยังมีความกังวลต่อปัจจัยลบบางด้านเช่นภาวะเศรษฐกิจ การเมือง อุทกภัยและค่าแรงขั้นต่ำซึ่งปรับเพิ่มขึ้นตั้งแต่วันที่1 เมษายนที่ผ่านมา
ที่มา: หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับวันที่ 12 - 14 เม.ย. 2555